02 มีนาคม 2559

Day 0-1: ประสบการณ์นอนที่สนามบินคันไซกับครั้งแรกที่ Himeji

Kansai Sakura Trip 2015
Day 0-1 : ประสบการณ์นอนที่สนามบินคันไซกับครั้งแรกที่ Himeji
Day 2: Universal Studio Japan (USJ) กับบัตรเบ่ง Express Pass 5
Day 3: ตามล่าซากุระที่ Osaka แล้วไปช็อปปิ้งซอยละลายทรัพย์ Tenjinbashisuji
Day 4-7: ชมซากุระสุดฟินที่ Kyoto

∆∇∆∇∆∇∆∇∆∇∆∇∆∇∆∇∆∇∆∇∆∇∆∇∆∇∆∇∆∇∆∇∆∇∆∇

ไม่ได้เข้ามาเขียนบล็อกนานมาก จนกำลังจะไปญี่ปุ่นอีกทริปแล้ว เลยคิดว่ายังไงต้องมาเคลียร์บล็อกของปี 2015 ให้เสร็จซะก่อน
แต่เนื่องจากมันนานแล้ว บางอย่างก็แอบลืมๆไปบ้างแล้ว หรือบางอย่างก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง เช่น วิธีการจอง หรือ ราคา ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย อะไรที่ทราบข้อมูลอัพเดทจะพยายามอัพเดทให้เลยค่ะ

เริ่มกันตั้งแต่วันแรกของการเดินทาง

รอบนี้เราเดินทางด้วย TAAX ซึ่งเป็นการเดินทางออกนอกประเทศด้วยสายการบินแบบ low cost ครั้งแรกของเรา และเป็นครั้งแรกตั้งแต่จำความได้ที่ต้องไปขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมือง ซึ่งบอกเลยว่าไม่มีความคุ้นเคยเลยค่ะ 

เมื่อไปถึงสนามบินดอนเมืองตอนแรก กะว่าชิลแล้ว เพราะทำเว็บเช็คอินมาเรียบร้อย ไป bag drop ที่แถวพิเศษของ Air Asia ได้เลย ดูจากสายตาแถวก็ไม่ยาวมากเท่าไหร่

แต่ปรากฏว่า.....

ช่อง Bag drop มีช่องเดียวค่ะ ทำให้ช้ามากกก ไปๆมาๆ แถวปกติดันเร็วกว่าซะงั้น! แอบเซ็งเบาๆ ต่อที่ 1
ต่อที่ 2 คือ เครื่อง delay ค่ะ จาก 15.10 น. เป็น 16.00 น.
ทำให้เวลาถึงปลายทางที่สนามบินคันไซ (KIX) เลื่อนจาก 22.50 น. เป็น 23.30 น.
ตรงนี้ ชัดเลยว่า ถ้าใครวางแผนจะนั่งรถไฟเที่ยวสุดท้ายจากสนามบินเข้าเมืองจะเห็นเลยว่าไม่ทัน เครื่องลง 23.30 ก็จริง แต่กว่าจะออกจาก ต.ม. ได้และรับกระเป๋าเสร็จก็ 00.30 น. แล้วค่ะ แถว ต.ม. ยาวมากกกก
ใครไปไฟล์ทนี้ อาจจะเจอเหตุการณ์แบบนี้ได้ กรุณาเตรียมแผนสำรองด้วยนะคะ

****ย้ำอีกครั้ง ไปไฟล์ทดึก ใครวางแผนจะเข้าเมืองโดยรถไฟ กรุณาเตรียมแผนสำรองด้วยนะคะ

สำหรับเรา เป็นโชคดี (รึเปล่า?) ที่เรากับเพื่อนตั้งใจนอนที่สนามบินกันอยู่แล้ว
เป็นความใฝ่ฝันส่วนตัวของเราเลยค่ะ อยากนอนสนามบินมานานแล้ว แต่ไม่มีใครยอมนอนด้วยสักที ครั้งนี้เวลาลงเครื่องประจวบเหมาะ แถมเพื่อความประหยัด เลยหว่านล้อมให้เพื่อนๆยอมนอนสนามบินกันได้ ดีใจมาก 555+

ประสบการณ์การนอนสนามบินครั้งแรกในชีวิต เราปักหลักนอนกันอยู่ที่หน้า Family Mart ค่ะ 
จริงๆแล้ว ตั้งใจไปปักหลักที่หน้า KIX Airport Lounge เพราะคิดว่าตอนเช้าจะมาอาบน้ำที่นี่ก่อนไปเที่ยว แต่ตอนไปถึงที่เต็มหมดแล้ว เลยต้องหาที่ใหม่แทน (จริงๆ ด้านใน lounge ก็สามารถนอนได้นะคะ เสียเงินอีกนิดหน่อย เป็นอีกทางเลือกหนึ่งค่ะ)
ปกติ เราไม่ใช่คนหลับยากนะคะ แต่ครั้งนี้คือยอมรับเลยว่าหลับๆตื่นๆ ยิ่งช่วงใกล้เช้านี่ หลับไม่สนิทเลย จะมีเสียงเข้าหูตลอด 
เพราะฉะนั้น ถ้าผู้ที่ต้องการนอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่หรือมากับเด็กหรือผู้สูงอายุ นอนโรงแรมเถอจะเกิดผล จะสบายและสะดวกกว่ามาก 

อีกประการหนึ่ง ปัจจุบัน การเดินทางออกจาก KIX เข้าเมืองสำหรับไฟล์ทดึกมีเยอะขึ้นมาก ลีมูซีนบัสก็มี 24 hr. แล้ว ไม่จำเป็นต้องนอนสนามบินก็ได้นะคะ

!!!! และล่าสุด ประมาณปลายปี 2015 ทางสนามบิน KIX ได้ขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวทุกคน อย่าใช้เก้าอี้สนามบินในส่วนที่ไม่อนุญาตเป็นที่นอน เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวบางส่วนได้เลื่อน/ย้ายเก้าอี้ของทางสนามบิน สร้างความลำบากให้กับนักท่องเที่ยวอื่น และทำให้มีเก้าอี้เสียและต้องซ่อมแซมจำนวนมาก

ตามข่าว ตั้งแต่ สิงหาคม 2015 มา ทางสนามบินได้จัดพื้นที่ Aeroplaza ชั้น 2 ไว้ให้บริการ โดยมีเก้าอี้เอนได้ ผ้าห่ม และห้องอาบน้ำให้บริการด้วย (ห้องอาบน้ำต้องเสียค่าบริการนะคะ) ยังไงถ้าใครจะนอนที่สนามบินคันไซก็ขอความร่วมมือด้วยนะคะ เราลอง search ดูพบว่าโซนนี้อยู่ตึกเดียวกับโรงแรม Nikko ต้องเดินออกมาจากตัว terminal ก่อนถึงจะเจอนะคะ ใครไปแล้วกลับมาทำรีวิวด้วยเน้ออออ



ก่อนมา เราหาข้อมูลเรื่องที่อาบน้ำ พบว่าห้องอาบน้ำที่นี่เปิด 24 ชั่วโมง เลยกะว่าสักตี 3-4 ก็จะไปอาบน้ำ 
แต่พอไปถึง ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ทางพนักงานแจ้งว่าจะให้คนเข้าอาบน้ำได้ตอนตี 5 หรือ 6 โมงเช้านี่แหละค่ะ (มันนานแล้วไม่แน่ใจเรื่องเวลา) เราก็งงๆ แต่ทุกคนที่ไป lounge ณ ตอนนั้น ได้คำตอบเดียวกันหมด 
ก่อนถึงเวลาที่พนักงานแจ้งประมาณ 15 นาที เราก็ไปยืนรอเพื่อติดต่อที่ด้านหน้า แต่ปรากฏว่าทางพนักงานแจ้งว่าถ้าจะเข้าอาบน้ำนั้น ต้องรอไปอีก 1-2 ชั่วโมง ตอนแรกเราแอบเคืองว่า อ้าว ไหนบอกให้มาเวลานี้ เราก็มาตามเวลาที่เค้าบอก แต่ทำไมถึงมีคนก่อนเราเยอะจัง แต่พอคิดๆแล้วก็เข้าใจได้ว่าอาจเป็นคนที่ไปนอนค้างอยู่ด้านใน ต่อคิวเพื่ออาบน้ำค่ะ ทำให้นาน

จริงๆ เราไม่ซีเรียสเรื่องอาบน้ำเลยนะคะ ไม่อาบก็เที่ยวได้ 555+ (ทริปที่แล้ว เราก็ซักแห้ง ไม่ได้อาบน้ำ) แต่เพื่อนเราบอกว่าไม่ได้ ยังไงก็ตามอาบ นางทนตัวเองไม่ได้ แต่พอมันต้องรอนานมาก ท้ายสุดก็เลยตัดสินใจเดินทางไปโรงแรมที่จองไว้ดีกว่า ไปขออาบน้ำที่โรงแรม น่าจะพอมีหวังกว่า

พอเดินออกจากตัวอาคาร terminal เราจะได้พบกับสถานีรถไฟ 2 อันติดกัน คือ สถานี Kansai Airport ของ JR line และ Nankai line 

มาถึงตรงนี้ เรามีภารกิจในการซื้อ pass ที่จะใช้ท่องเที่ยวกันในทริปนี้
ทริปนี้ เราตัดสินใจใช้ pass 2 ตัวคือ 3-days Kansai Thru Pass กับ 1-day JR Kansai Area Pass

เริ่มที่ Kansai Thru Pass ก่อน
ตัวนี้เราซื้อที่ Ticket office ด้านหน้าสถานี Kansai Airport เพราะที่นี่จะเปิดตั้งแต่ตี 5 ในขณะที่ Tourist Information Centre ภายในสนามบินจะเปิดตอน 7 โมงเช้า 
ข้อดีของพาสนี้ คือ สามารถใช้วันไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องใช้ติดกันเหมือนพาสของ JR และครอบคลุมพื้นที่ในคันไซแบบทุกหย่อมหญ้า สะดวกมากจริงๆค่ะ
ข้อเสีย คือ ในกรณีที่เดินทางข้ามเมืองไกลๆ เช่น Wakayama Himeji จะเสียเวลาในการเดินทางเยอะกว่า JR และบางจุด อาจจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนสถานี
Kansai Thru Pass จะมีแบบ 2 วันกับ 3 วันนะคะ เลือกใช้กันได้ตามสะดวก รายละเอียดอื่นๆ กรุณาดูตาม link official website นะคะ

ส่วน JR Kansai Area Pass
ข้อหลักๆเลยที่ตัดสินใจใช้ Kansai Area Pass แบบ 1 วัน เพราะวันสุดท้ายเราจะต้องเดินทางจากสถานีเกียวโตไปยังสนามบินคันไซ เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว จึงตั้งใจนั่ง Haruka ค่ะ ซึ่งถ้าคำนวนค่า Haruka จากเกียวโตถึงสนามบิน (2850 เยน) เทียบกับพาสนี้แล้ว (2300 เยน) พาสนี้ถูกกว่าอีกค่ะ คุ้มกว่าเห็นๆ

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมากๆ คือจะเริ่มใช้วันที่ 1 มีนาคม 2016 มีพาสอีกตัวนึงที่ออกมาเป็นตัวเลือกให้ผู้ที่จะเดินทางจากเกียวโตไปสนามบินคันไซได้อีกทาง นั่นคือ Haruka&Icoca ฉบับปรับปรุงใหม่

แต่เดิม Haruka&Icoca จะซื้อได้เฉพาะที่สนามบิน และ Haruka แบบเที่ยวเดียวสามารถใช้เดินทางออกจากสนามบินเท่านั้น ไม่สามารถใช้เพื่อเดินทางมายังสนามบินได้
แต่ Haruka&Icoca ที่จะออกมาให้นั้น สามารถซื้อได้หลายแห่งมากขึ้น และสามารถซื้อแบบเที่ยวเดียวเป็นการเดินทางไปยังสนามบินได้แล้ว
รายละเอียดอื่นๆ ดูได้จาก website นี้เลยค่ะ >> https://www.westjr.co.jp/global/en/travel-information/pass/icoca-haruka/

กลับมาที่ Kansai Area Pass ของเรา
ตัว Kansai Area Pass ณ ตอนที่เราไปมีการปรับราคาขึ้น จากเดิม 2060 เยนเป็น 2300 เยน (โชคร้ายมาก) แต่ถ้ามีการทำ booking online ไปก่อน จะสามารถลดราคาได้ 100 เยน เหลือ 2200 เยน และทำให้สะดวกมากขึ้นในการไปรับพาสค่ะ
ขั้นตอนไม่ยากค่ะ เข้าไปที่เว็บ JR Kansai Area Pass กด book now >> กรอกรายละเอียด >> print
พอไปถึงตัว JR ticket office ก็ยื่นกระดาษที่ print มาให้เจ้าหน้าที่เลยค่ะ อึดใจเดียว เรียบร้อยแล้ว
(ตอนเราไป แถวของ JR ค่อนข้างยาวเลยค่ะ ในขณะที่ Nankai ไม่มีคนเลย การทำ booking online ไปก่อน น่าจะช่วยทำให้เร็วขึ้นไม่มากก็น้อยค่ะ)
สำหรับตัว Haruka&Icoca ถ้าทำ booking online ไปก่อนจะทำให้เลือกลายของบัตร Icoca ได้ ถ้าไม่ได้ทำไป อาจมีกรณีลายที่อยากได้หมดก็มีค่ะ

เมื่อจัดการซื้อพาสที่จะใช้เสร็จแล้ว เราก็ออกเดินทางจากสนามบินไปโรงแรมกันเลย
วันนี้เราจะเปิดใช้ KTP เป็นวันที่ 1 ค่ะ เพราะฉะนั้น การเข้าเมืองเราจะเดินทางด้วย Nankai line
ทริปนี้ ที่โอซาก้าเราจะพักกันที่ โรงแรม Chuo Oasis รายละเอียดขอแยกเป็นอีกบล็อกนะคะ
จากสถานี Kansai Airport จะต้องไปลงที่สถานี Shin-Imamiya

พอไปถึง โชคดีมากค่ะ ทางโรงแรมให้ check-in ได้เลย (ปกติจะให้ check in ตอนบ่าย 3) ทำให้พวกเราได้มีโอกาสอาบน้ำ แต่อีกแง่หนึ่งก็ทำให้เลทจากเวลาที่คิดไว้ไปมาก กว่าจะได้ออกจากโรงแรมก็ 9 โมงแล้ว

การเดินทางจากย่านนี้ไปยัง Himeji ให้นั่ง subway จากสถานี Dobutsuen-mea (M22) ซึ่งอยู่ใกล้กับโรงแรมมากกกก ไปลงสถานี Umeda (M16) จากนั้นเดินจาก subway Umeda ไปสถานี Umeda (Hanshin) แล้วนั่ง Sanyo through Ltd. Exp. ไปลงสถานี SanyoHimeji

กว่าจะเดินทางไปถึง Himeji ก็ตอนเที่ยงๆพอดี อากาศดีมากกก เย็นๆ กำลังดี มีแดด ฟ้าใส ถ่ายรูปสวย
การเดินทางไปยังตัวปราสาท Himeji ง่ายมากๆๆๆๆ
เพราะพอออกจากสถานี แล้ว จะเห็นปราสาทอยู่ไกลๆเลยค่ะ เดินไปตามทาง ตรงอย่างเดียว
ระหว่างทางมีร้านรวงต่างๆมากมาย เราแวะทานอาหารกลางวันก่อนที่ร้านตามรูปค่ะ รสชาติดีเลย




ที่ปราสาท Himeji คนมหาศาลมากๆ (แต่กลับไม่เจอคนไทยเลย แปลกมาก) เนื่องจากวันที่ไป เป็นวันหลังจากที่ปราสาท Himeji เพิ่งเปิดให้เข้าชมแบบเต็มรูปแบบหลังจากปิดเพื่อปรับปรุงอยู่หลายปี (เป็นเหตุผลว่าทำไมปีที่แล้วถึงไม่ได้มาที่ Himeji ค่ะ เพราะตัวปราสาทมันยังปิดอยู่) แถมยังเป็นช่วงที่ซากุระบานพอดี 




เยอะขนาดถึงขั้นต้องมีการจำกัดคนเข้าชมปราสาทกันเลยทีเดียวค่ะ


ตัวปราสาทคือสวยมาก ขาวโอโม่มาก ไม่รู้ว่านานไปสีจะเปลี่ยนมั้ย 


การเข้าชมปราสาท อย่างที่บอกไปว่าแถวยาวมากๆๆๆ ค่อยๆทยอยเดินกันขึ้นไปเรื่อยๆ กว่าจะเดินขึ้นไปจนถึงตัวปราสาท ใช้เวลา 2 ชั่วโมงพอดี


วิวจากด้านบนปราสาทค่ะ 
ในตัวปราสาท ขอไม่สปอยนะคะ ไปเดินดูกันเองละกัน :P


หลังจากลงมาจากตัวปราสาทแล้ว เรากับเพื่อนก็เดินชมรอบๆอีกนิดหน่อย 
ตอนแรกวางแผนว่าจะไปที่ Kokoen Garden ด้วย แต่ด้วยความเพลียที่แผนผิดพลาดมาทั้งวัน เลยตัดสินใจกลับโอซาก้าดีกว่า (จริงๆ สวนนี่น่าไปมากนะคะ เป็นสวนที่สวยติด 1 ใน 3 ของญี่ปุ่นเลย)
ส่วน Kobe นี่ตัดทิ้งไปเลยค่ะ กว่าจะออกจากปราสาทก็เกือบๆ 5 โมงเย็นแล้ว
แถมในกลุ่มเรา ไม่มีใครทานเนื้อสักคน เลยข้าม Kobe กันไปแบบไม่คิดอะไรมาก

และแน่นอนว่าเมื่อกลับถึงโอซาก้า เราก็ไป Namba กันเลยค่ะ กินและช็อปคืองานของเรา
พี่ป้ายกูลิโกะมีการเปลี่ยนแปลงจากปีที่แล้วมาก ปีนี้เป็นไฟวิ่ง สวยงามมากค่ะ


2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ18 มีนาคม 2559 เวลา 01:18

    ขอสอบถามเรื่องรถไฟเที่ยวแรกออกจากสนามบินไป osaka มีกี่โมงคัพ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. Nankai เที่ยวแรก 05.45 น. ของ JR ก็พอๆกันค่ะ ประมาณ​ 05.50 น. (แต่ถ้า Haruka เที่ยวแรกจะเริ่ม 06.30 น. ค่ะ)

      ลบ