28 กันยายน 2560

ตั๋วเครื่องบิน/กระเป๋าและสัมภาระ


ตั๋วเครื่องบิน

ตั๋วเครื่องบินเป็นอีกปัจจัยสำคัญมากๆ ทริปเราจะถูกหรือแพง ใช้เงินมากน้อย บางทีมันขึ้นอยู่กับค่าตั๋วเครื่องบินนี่แหละค่ะ

ปัจจัยในการเลือกสายการบินของแต่ละคนมีเยอะแยะมากมายแตกต่างกันไป เช่น Full service/Low cost, บินตรง/ต่อเครื่อง, สนามบิน(เมือง)ที่ต้องการไป, ราคาตั๋วเครื่องบิน/Promotion ต่างๆ


สำหรับเรา ส่วนตัวเราถ้าไปญี่ปุ่น เราไม่นิยมสายการบินที่ต้องต่อเครื่องค่ะ เหตุผลหลักคือขี้เกียจและไม่อยากเสียเวลาเดินทางเยอะ เพราะจะทำให้เหนื่อย อยากเก็บแรงไว้ไปเที่ยวเต็มๆ มากกว่า
เพราะฉะนั้น ระหว่างสายการบิน Full service ที่ต้องต่อเครื่อง กับ Low cost ที่บินตรง ถ้าราคารวมพอๆ กัน เราจะเลือกบินตรงกับ Low cost ในขณะที่บางคนอาจจะเลือกบิน Full service ค่ะ

ความแตกต่างของสายการบินแบบ  Full service กับ Low cost
หลักๆ ที่เราพอนึกออกก็คือ ราคาค่าตั๋วโดยสารของสายการบินแบบ Full service จะรวมทุกสิ่งอย่างมาให้แล้ว ทั้งน้ำหนักกระเป๋า อาหาร เครื่องดื่ม การเลือกที่นั่ง รวมทั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอื่นๆ เช่น ผ่าห่ม ก็จะมีมาให้พร้อมสรรพแล้ว และก็จะมีจอส่วนตัว สามารถดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ ได้ตามสะดวก
ส่วน Low cost นั้น ส่วนใหญ่จะไม่มีจอส่วนตัวให้ และพวกน้ำหนักกระเป๋า อาหารเครื่องดื่ม การเลือกที่นั่ง ผ้าห่ม เหล่านี้เป็นส่วนที่ต้องเสียเงินเพิ่มทั้งสิ้น ดังนั้นเวลาคำนวณราคาค่าโดยสารที่แท้จริงเพื่อเปรียบเทียบ อย่าลืมคำนวณส่วนนี้เข้าไปด้วยนะคะ

สายการบินที่บินตรงไปญี่ปุ่น (เท่าที่นึกออก)

เดินทางออกจาก สนามบินสุวรรณภูมิ (BKK)
การบินไทย (TG): Tokyo-Narita (NRT), Tokyo-Haneda (HND), Osaka (KIX), Nagoya (NGO), Fukuoka (FUK) และ Sapporo (CTS)
Japan Airlines (JAL)
All Nippon Airways (ANA)

เดินทางออกจาก สนามบินดอนเมือง (DMK)
Thai AirAsia X (XJ): Tokyo-Narita (NRT) และ Osaka (KIX)
NokScoot: Tokyo-Narita (NRT) และ Osaka (KIX)

การจองตั๋วเครื่องบินด้วยตนเองนั้น เราอาจทำได้เองโดยผ่านช่องทางโดยตรงของสายการบิน เช่น เว็บไซต์ โทรศัพท์ เค้าน์เตอร์ หรืออาจจองผ่านทาง agent ต่างๆก็ได้
ข้อควรรู้และข้อควรระวัง

1. เวลาในที่แสดงในการเลือกซื้อตั๋วเครื่องบินเป็น Local time
เพราะฉะนั้นอย่าแปลกใจถ้าเอา Departure time + เวลาที่ใช้ในการเดินทาง แล้วมันไม่เท่ากับ Arrival time 
เช่น ไฟล์ท BKK 09:45 -> HND 17:55 (6h 10m)
09:45 คือเวลาตามประเทศไทย + เวลาเดินทางไปอีก 6 ชั่วโมง 10 นาที = 15:55 (เวลาประเทศไทย) แต่ญี่ปุ่นเวลาเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง ดังนั้นจึงเป็น 17:55 ค่ะ

2. การขึ้นเครื่องในเวลากลางคืน 
ถ้าขึ้นเครื่องตอนกลางคืน ดูเวลาดีๆ นะคะ คนพลาดกันมาเยอะแล้ว
ตัวอย่าง :
(1) เวลาขึ้นเครื่อง 00:20 วันที่ 1 มิถุนายน 2557 
(2) เวลาขึ้นเครื่อง 23:40 วันที่ 1 มิถุนายน 2557
กรณีที่ (1) เวลาขึ้นเครื่อง 00:20 วันที่ 1 มิถุนายน 2557 = เราต้องไปขึ้นเครื่องตอนคืนวันที่ 31 พฤษภาคม ถ้าไปวันที่ 1 ล่ะก็ตกเครื่อง!!!
แต่กรณีที่ (2) เวลาขึ้นเครื่อง 23:40 วันที่ 1 มิถุนายน 2557 = เราต้องไปขึ้นเครื่องตอนคืนวันที่ 1 มิถุนายน (เช้าวันที่ 2 มิถุนายน)

กระเป๋าและสัมภาระ 

นี่เป็นปัญหาโลกแตกสำหรับมือใหม่ในการขึ้นเครื่องบินอีกเรื่องนึง
สัมภาระที่จะนำขึ้นเครื่อง สัมภาระหรือกระเป๋าที่จะโหลดใต้ท้องเครื่อง น้ำหนักกระเป๋าได้เท่าไหร่ ของอะไรเอาไปได้บ้างไม่ได้บ้าง สารพัดคำถาม

เรื่องแรกที่จำเป็นต้องรู้ คือ สัมภาระในการขึ้นเครื่องบินทุกอย่าง ไม่ว่าจะนำขึ้นเครื่องหรือโหลดใต้ท้องเครื่องจะขึ้นอยู่กับนโยบายว่าด้วยสัมภาระของแต่ละสายการบินเป็นสำคัญ 
ซึ่งโดยทั่วไปก็จะคล้ายคลึงกัน อาจมีแตกต่างบ้างในรายละเอียดซึ่งจะพูดถึงต่อไปค่ะ
เพราะฉะนั้น เราเดินทางด้วยสายการบินไหน ก็ควรเช็คนโยบายว่าด้วยสัมภาระของสายการบินนั้นโดยละเอียดอีกครั้งหนึ่ง โดย website ของสายการบินมักจะแจ้งรายละเอียดตรงนี้อยู่แล้ว 

สัมภาระที่จะนำติดตัวขึ้นเครื่องบิน (Carry on)

โดยทั่วไปสัมภาระที่จะนำติดตัวขึ้นเครื่องบิน (Carry on) คือ กระเป๋าถือ 1 ใบ + กระเป๋า 1 ใบ
1. ขนาดของกระเป๋า
CR: AirAsia
ขนาดของกระเป๋าจะต้องไม่เกิน 56x36x23 cm. หรือ 22x14x9 นิ้ว (รวมล้อและหูจับกระเป๋าด้วย) ทั้งนี้เพื่อให้กระเป๋าสามารถใส่ในช่องเก็บสัมภาระเหนือที่นั่งผู้โดยสารบนเครื่องบินได้
ในบางสายการบิน ขนาดอาจไม่เท่านี้เป๊ะๆ แต่มักจะไม่ต่างกันมากค่ะ

ถ้าดูจากขนาดที่กำหนดแล้ว จะเห็นว่า กระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ที่สุดที่สามารถนำขึ้นเครื่องได้น่าจะคือกระเป๋าขนาดประมาณ 20”
ข้อควรรู้ : การวัดขนาดกระเป๋า วัดด้านที่ยาวที่สุดของกระเป๋า (เราแอบหลงวัดตามแนวทะเเยงแบบทีวีอยู่ตั้งนาน 555+)

ในส่วนของกระเป๋าถืออีกใบ แอร์เอเชียกำหนดขนาดที่ 30x40x10 cm. เพื่อให้เก็บไว้ใต้ที่นั่งด้านหน้าผู้โดยสารได้ ซึ่งขอสารภาพ เราก็เพิ่งทราบว่ากระเป๋าถือใบเล็กอีกใบมีขนาดกำหนดด้วย ความรู้ใหม่ของเราเลยค่ะ ปกติไม่เคยสนใจเลย
แต่โดยมากคงไม่มีใครตรวจค่ะ เอาเป็นว่าให้ขนาดยัดเข้าไปที่ใต้ที่นั่งได้เป็นพอแล้ว

2. น้ำหนักกระเป๋าไม่เกิน 7 kg.

ตรงนี้ มีข้อควรระวังนิดนึง โดยปกติ สายการบินอาจไม่ค่อยอะไรกับเรื่องนี้มาก โดยเฉพาะสายการบินแบบ full service ไฟล์ทญี่ปุ่น เรายังไม่เคยเห็นใครถูกจับให้ชั่งน้ำหนักกระเป๋าที่ถือขึ้นเครื่องเลย (แต่ถ้าไฟล์ทยุโรปนี่เหมือนจะมีค่ะ)
แต่สำหรับสายการบินแบบ low cost ที่การโหลดกระเป๋าต้องเสียเงินเพิ่ม บางคนอาจโดนสุ่มชั่งน้ำหนักหน้าเกทก่อนขึ้นเครื่องก็มี ซึ่งถ้าเกิน แน่นอนว่าจะต้องถูกชาร์จค่าน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม 
(เตือนไว้ก่อน เนื่องจากช่วงนี้ เห็นหลายคนที่ขึ้น AirAsia บอกว่า เริ่มมีการจับชั่งน้ำหนักกันจริงจังขึ้น)

3. สิ่งของบางอย่างห้ามนำขึ้นเครื่องโดยเด็ดขาด เช่น อาวุธ ของมีคม (เช่น มีดพับ กรรไกรตัดเล็บ) วัตถุไวไฟ ของอันตรายทั้งหลายห้ามเอาขึ้นเครื่องนะคะ

มีของบางอย่างที่บางครั้งก็งงๆว่าเอานำขึ้นเครื่องได้มั้ย เช่น ดาบของเล่น ร่ม 
พวกนี้ หลายคนอาจคิดว่าเอาขึ้นเครื่องได้ เพราะดูไม่ใช่ของอันตรายอะไร แต่ถ้าไม่แน่ใจ เช็คกับพนักงานเช็คอินเถอะค่ะ เพราะที่เราเคยเจอมา ดาบของเล่น กับ ร่มยาว การบินไทยให้โหลดค่ะ ไม่ให้เอาขึ้นเครื่องค่ะ ซึ่งเราก็ไม่แน่ใจว่าที่ไม่ให้เอาขึ้นเครื่องเพราะขนาดเกินกำหนดหรือเพราะมองว่าเป็นวัตถุอันตรายกันแน่

4. กลุ่มพวกของเหลว/เจล/สเปรย์

ของเหลว/เจล/สเปรย์ที่สามารถนำขึ้นเครื่องได้ ต้องอยู่ในภาชนะที่มีความจุไม่เกิน 100 ml. ต่อชิ้น (ดูที่ขนาดภาชนะนะจ้ะ ไม่ได้ดูที่ปริมาณที่เหลืออยู่) และรวมทั้งหมดทุกชิ้นไม่เกิน 1,000 ml. 
โดยต้องใส่รวมไว้ในถุงพลาสติกใสที่มีความจุไม่เกิน 1 ลิตร (ประมาณ 20x20 cm.) และสามารถปิดผนึกได้
Cr: AirAsia
ในส่วนนี้ มีหลายคนชอบจำว่า เอาของเหลวขึ้นเครื่องได้ 100 ml. ไม่เกิน 10 ชิ้น 
ซึ่งถ้าดูตามข้อกำหนด มันจะไม่ 10 ชิ้นเสมอไปนะคะ ถ้าของเหลวนั้นไม่ได้ขนาด 100 ml. เท่ากันทุกขวด
เช่น เราอาจจะมีของเหลว/เจล/สเปรย์ ขนาด 50 ml. 30 ml. 60 ml. หลายๆอันก็ได้ แต่รวมต้องไม่เกิน 1,000 ml. ไม่ใช่ไม่เกิน 10 ชิ้น

ถุงพลาสติกใสที่ใช้ใส่ของเหลว/เจล/สเปรย์ ถ้าไม่มีหรือนึกไม่ออก เราแนะนำถุงซิปล็อคเลยค่ะ  แบบเดียวกับที่ใช้เก็บผักผลไม้ในครัวนั่นแหละค่ะ ใช้ได้เหมือนกัน ช่วยกันไม่ให้ของเหลวหกเลอะเทอะกระเป๋าได้ในกรณีที่ปิดฝาไม่ดีด้วย

5. Power bank 

power bank ห้ามโหลดใต้เครื่องเด็ดขาด ไม่ว่าความจุเท่าไรก็ตาม 
แต่สำหรับความจุไม่เกิน 32,000 mAh สามารถเอาขึ้นเครื่องได้ (carry-on)
 ซึ่ง power bank ที่ใช้กันปกติก็คงไม่มีใครใช้เกินนี้หรอกเนอะ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่ตัว Power bank จะต้องมีขนาดความจุระบุไว้อย่างชัดเจนด้วยนะคะ ในกรณีที่ไม่มีความจุระบุไว้ เจ้าหน้าที่อาจไม่อนุญาตให้นำขึ้นเครื่องได้
Cr.: Thai Airways


สัมภาระที่จะโหลดใต้เครื่อง

น้ำหนักและขนาดกระเป๋าที่จะสามารถโหลดได้ต้องดูตามกฎ/นโยบายของแต่ละสายการบินนะคะ

สำหรับสายการบินแบบ low cost การโหลดกระเป๋ามักเป็นตัวเลือกที่ต้องเสียเงินซื้อเพิ่ม การจะโหลดได้กี่กิโลจึงขึ้นอยู่กับว่าเราซื้อน้ำหนักไว้ที่เท่าไร

ส่วนสายการบินแบบ full service การโหลดกระเป๋านั้นจะรวมอยู่ในราคาตั๋วเครื่องบินที่เราจ่ายไปแล้ว ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม (ถ้าไม่ได้โหลดเกินน้ำหนักที่สายการบินกำหนด)

ในส่วนนี้ที่ต้องระวัง คือ น้ำหนัก กับ จำนวนชิ้นของสัมภาระ
บางสายการบินอาจกำหนดน้ำหนักไม่เกิน X kg. แต่ไม่กำหนดจำนวนชิ้น (จำนวนกี่ชิ้นก็ได้) แต่บางสายการบินอาจกำหนดให้โหลดได้ X ชิ้น น้ำหนักชิ้นละไม่เกิน Y kg. เป็นต้น

ส่วนขนาดกระเป๋า maximum size ที่จะโหลดขึ้นเครื่องได้ ถ้าจำไม่ผิดจะอยู่ที่กระเป๋าขนาดประมาณ 30"
สำหรับการบินไทย ชั้น economy จำกัดน้ำหนักกระเป๋าอยู่ที่ 30 kg. โดยไม่จำกัดจำนวนชิ้น จะโหลดกี่ชิ้นก็ได้ แต่น้ำหนักรวมต้องไม่เกิน 30 kg.

ส่วน AirAsia การซื้อน้ำหนักกระเป๋าสามารถแชร์น้ำหนักกระเป๋าได้ใน booking เดียวกัน เช่น 
Booking no. AB1234 มีผู้โดยสาร คือ ก ข และ ค
ก. ซื้อน้ำหนัก 20 kg
ข. ซื้อน้ำหนัก 15 kg
เท่ากับว่า ก. ข. ค. สามารถโหลดกระเป๋าน้ำหนักรวมกันได้ไม่เกิน 35 kg
แต่ทั้งนี้ คนที่ซื้อน้ำหนักไว้จะต้องบินด้วย ห้าม no show นะคะ
กรณีข้างบน ถ้าในวันเดินทาง ก. เกิดไม่สามารถเดินทางได้ น้ำหนักกระเป๋าที่ ข. และ ค. จะโหลดได้คือ 15 kg เท่านั้น

<< Tips >>


ข้อพิจารณาในการเลือกซื้อกระเป๋าเดินทาง 

วัสดุ

กระเป๋าเดินทาง (กระเป๋าลาก) จะมีวัสดุหลักๆอยู่ 2 แบบ คือ แบบผ้า และ แบบ hard case

แบบผ้า มีข้อดีคือส่วนใหญ่น้ำหนักเฉลี่ยจะเบากว่าพวกที่เป็นแบบแข็ง (hard case) 
กระเป๋าเดินทางแบบผ้า
credit: samsonite.co.th
ส่วนแบบแข็ง (hard case) วัสดุที่นิยมนำมาทำกระเป๋าเดินทางกันก็จะมี ABS, Polycarbonate (PC) และ Polypropylene (PP) รวมถึงมีการนำมาผสมกัน เช่น PC ผสม ABS อะไรแบบนี้ค่ะ
รายละเอียดคุณสมบัติทางเคมีของแต่ละอย่าง เคยพยายามอ่านแล้ว แต่ก็ไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนนัก เหมือนมีข้อดีข้อเสียกันคนละอย่าง และขึ้นอยู่กับเกรดและความหนาบางด้วย แต่พอจะสรุปๆได้ว่าให้เลือกเป็น PC หรือ PP จะดีกว่า

จากประสบการณ์ กระเป๋าเดินทางที่เรามีอยู่ ใบนึงเป็น PP 100% กับอีกใบเป็น PC ผสม ABS ถ้าเทียบสัมผัส 2 ใบนี้ แบบไม่อ้างอิงคุณสัมบัติทางเคมีใดๆทั้งสิ้น เรารู้สึกว่า PP ดูเหมือนจะยืดหยุ่นมากกว่าค่ะ มันไม่ได้แข็งไปซะเลยทีเดียวเหมือน PC ผสม ABS 


กระเป๋าเดินทางแบบแข็ง
credit: samsonite.co.th


ลักษณะภายในกระเป๋า
ถ้าเป็นกระเป๋าลากแบบผ้าส่วนใหญ่จะเป็นที่ใส่ของฝั่งเดียวค่ะ อีกฝั่งหนึ่ง (ซึ่งเป็นบานกระเป๋า) ก็จะเป็นช่องซิปให้เก็บของเล็กๆน้อยๆได้ ประมาณนี้ค่ะ 
credit: samsonite.co.th

ส่วนแบบ hard case จะเป็นแบบ 2 ฝั่ง แยกใส่ของได้ทั้งสองด้าน
แต่อาจต่างกันตรงด้านบน บางอันจะเป็นแค่แผ่นกั้น แต่บางอันจะเป็นช่องซิปแยกกันแบบเด็ดขาดไปเลย 

credit: www.facebook.com/jptravelstore

ส่วนตัว เราแนะนำแบบหลังค่ะ จะจัดของง่ายกว่า เพราะของจะไม่ร่วงมาอีกฝั่งเวลาปิดกระเป๋า 
ถ้าใครมีแบบแผ่นกั้นอยู่ แนะนำให้เอาไว้เก็บเสื้อโค้ทหรือของชิ้นใหญ่ๆหน่อย ไม่ควรใช้เก็บของกระจุกกระจิก หรือถ้าจะเก็บของจุกจิกเล็กๆน้อยๆ แนะนำให้ใส่ถุง/กระเป๋าจัดระเบียบแยกให้เรียบร้อยค่ะ เพราะถ้าใส่ของชิ้นเล็กๆ เวลาปิดของมันจะร่วงมาอีกฝั่ง ไม่อยู่กับที่

ขนาดกระเป๋า

credit: www.facebook.com/Caggioni

เราขอแยกเป็น 3 ขนาดค่ะ
ขนาดเล็ก >> cabin size กลุ่มที่สามารถ carry-on ขึ้นเครื่องได้ จะอยู่ที่ขนาดประมาณไม่เกิน 20”
ขนาดกลาง >> 24” - 26"
ขนาดใหญ่ >> 28” - 30"

ขนาดที่เราแนะนำว่าควรมีคือ 24”- 26” ค่ะ เพราะเป็นขนาดที่กำลังดี ไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป สามารถใส่ของสำหรับการไปท่องเที่ยวในช่วง 5-10 วันได้โอเค (เมื่อรวมถึงของที่ซื้อกลับด้วย) และเมื่อใส่ของเต็มแล้วอยู่ในน้ำหนักที่ผู้หญิงธรรมดายังสามารถรับผิดชอบตัวเองได้

น้ำหนักกระเป๋า
น้ำหนักของตัวกระเป๋า ควรเลือกให้เบาหน่อยค่ะ ถ้าหนักมาก มันจะไปกินที่น้ำหนักสัมภาระอย่างอื่นของเรา 
แทนที่ได้น้ำหนักกระเป๋า 30 kg จะใส่ของได้เยอะ แต่ปรากฏเฉพาะกระเป๋าหนักไปแล้ว 6-7 kg แบบนี้ก็ไม่ไหวค่ะ

สีสันและลวดลายของกระเป๋า
ตามใจชอบเลยค่ะ บางคนก็ชอบแบบเรียบๆ เพราะใช้ง่าย แต่บางคนก็ชอบสีเด่นๆค่ะ เพราะเวลาอยู่บนสายพานรับกระเป๋าจะหาได้ง่าย 
สำหรับคนชอบแบบเรียบๆ แต่อยากให้กระเป๋าสังเกตได้ง่ายขึ้นเวลาอยู่บนสายพานก็อาจเลือกใช้ผ้าคลุมกันรอยหรือสายรัดกระเป๋าเข้ามาเสริมได้ค่ะ หรือใครกระเป๋าสวย อยากโชว์กระเป๋า แต่กลัวกระเป๋าเป็นรอย เลือกเป็น pvc ใสคลุมกระเป๋าก็มีค่ะ


credit: www.facebook.com/Caggioni

และทางที่ดี อาจมี Tag ติดกระเป๋าสักหน่อยค่ะ ระบุชื่อและข้อมูลที่สามารถติดต่อได้ของเราเอง เผื่อมีคนหยิบผิดหรืออะไรแบบนี้ก็จะได้ตามหากันถูก และ tag ก็สามารถเป็นจุดสังเกตเวลารับกระเป๋าได้อีกทางด้วยค่ะ

ล้อ
ให้เลือกแบบ 4 ล้ออิสระ หมุนรอบทิศทางเท่านั้นค่ะ จะลากสบายกว่าแบบ 2 ล้อเยอะ สมดุลดีกว่ามากๆ ที่นิยมกันจะเป็นล้อของฮิโนโมโตะ 
และถ้าใครกังวลเรื่องเสียงลาก อาจต้องดูลึกลงไปอีกค่ะ ว่าล้อทำจากอะไร ยางหรือพลาสติกแบบไหน จะมีผลต่อเสียงเวลาลากในพื้นถนนหรือพื้นคอนกรีดค่ะ 


TSA lock
TSA เป็นหน่วยงานด้านความปลอดภัยในการเดินทางของประเทศสหรัฐอเมริกา (Transportation Security Administration) เป็นระบบกุญแจที่ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสนามบินสามารถเปิดเพื่อตรวจดูกระเป๋าเดินทางของเราได้โดยไม่ต้องทำอันตรายกระเป๋าเดินทางของเราค่ะ 
ที่บริเวณตัวล็อคของกระเป๋า สังเกตดูว่ามันจะมีช่องรูกุญแจเขียนว่า TSA อยู่

credit: samsonite.co.th

ก้านกระเป๋า
เราชอบเลือกก้านกระเป๋าแบบที่เป็นรูปตัว U คว่ำ (มีสองขา) มากกว่าแบบตัว T (ขาเดียว) ค่ะ รู้สึกว่ามันลากง่ายกว่า สมดุลกว่า ซึ่งเท่าที่เห็นส่วนใหญ่ก้านกระเป๋าก็นิยมทำเป็นตัว U มากกว่า T อยู่แล้วค่ะ


ก้านแบบตัว T
credit: samsonite.co.th

ปกติดูก็จะมีประมาณนี้ค่ะ 

นอกจากนี้ก็อาจดูยี่ห้อและการรับประกันกระเป๋าประกอบสักหน่อยก็ได้ ก็เลือกเอากันตามแบบที่ชอบเลยค่ะ

การเลือกที่นั่ง

เลือกตามความชอบเลยค่ะ 
ใครรู้ตัวว่าเป็นคนเข้าห้องน้ำบ่อย ควรเลือกที่นั่งติดทางเดิน 
ส่วนถ้าใครชอบดูวิว ก็เลือกที่นั่งติดริมหน้าต่าง 

ถ้าอยากเห็นภูเขาไฟฟูจิ
ขาไป กรุงเทพฯ-โตเกียว ให้นั่งฝั่งซ้ายติดริมหน้าต่าง 
ขากลับ โตเกียว-กรุงเทพฯ ให้นั่งฝั่งขวาติดริมหน้าต่าง
ส่วนถ้าไปโอซาก้าหรือฟุกุโอกะ ยังไงก็ไม่ผ่านภูเขาไฟฟูจิอยู่แล้วค่าาา 
ทั้งนี้ การจะได้เห็นภูเขาไฟฟูจิหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับดวงล้วนๆค่ะ ว่าวันนั้นสภาพอากาศเป็นยังไง กัปตันพาบินในเส้นทางไหน บางคนอาจเห็นไกลๆ บางคนก็เห็นใกล้มากกก หรือบางคนอาจไม่เห็นเลยก็เป็นได้

Website ที่อยากจะแนะนำ คือ http://www.seatguru.com/


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น