02 มิถุนายน 2561

สภาพอากาศ/ฤดูกาล/การแต่งกาย ไปญี่ปุ่น แต่งตัวยังไงดี

สภาพอากาศ/ฤดูกาล

ประเทศญี่ปุ่น แบ่งเป็น 4 ฤดูกาล คือ
  • ฤดูหนาว ; เดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์
  • ฤดูใบไม้ผลิ ; เดือนมีนาคม - พฤษภาคม
  • ฤดูร้อน ; เดือนมิถุนายน - สิงหาคม
  • ฤดูใบไม้ร่วง ; เดือนกันยายน - พฤศจิกายน
อุณหภูมิเฉลี่ยของแต่ละเดือนและแต่ละพื้นที่ก็จะต่างกันออกไป กล่าวคือ นอกจากต้องดูช่วงเวลาที่เดินทางแล้ว ยังต้องดูด้วยว่าเดินทางไปที่เมืองไหน เพราะในช่วงเวลาเดียวกัน แต่ละพื้นที่ก็อาจมีสภาพอากาศที่แตกต่างกัน

ด้วยเหตุนี้ทำให้เทศกาลการชมซากุระและใบไม้แดงของแต่ละพื้นที่ในญี่ปุ่นไม่ตรงกัน จะแตกต่างกันไปตามสภาพภูมิอากาศและภูมิประเทศ 

และนี่เป็นสถิติช่วงเวลาเฉลี่ยย้อนหลังของซากุระและใบไม้แดงในประเทศญี่ปุ่นค่ะ





แต่เหนือสิ่งอื่นใด การจะได้เจอมั้ย เป็นเรื่องของดวงด้วยค่ะ บางทีก็มาช้าบ้าง เร็วบ้าง ให้ได้ลุ้นกันตลอด โดยเฉพาะซากุระซึ่งมีช่วงเวลาในการชมที่ค่อนข้างสั้นนี่ลุ้นกันเหงื่อตกเลยค่ะ

ช่วงเวลาในการบานของซากุระจะเป็นแบบนี้ค่ะ 
หลังจากซากุระดอกตูมเริ่มผลิให้เห็นสีชมพูนิดๆ (opening) ซากุระจะใช้เวลาอีกประมาณ 1 สัปดาห์ในการผลิดอกแบบเต็มๆ (อาจช้ากว่านี้ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิตอนนั้นด้วย) 
แล้วพอ full bloom แล้ว ตอนนี้จะเป็นช่วงเทศกาลชมซากุระค่ะ (best viewing) ซากุระจะอยู่ให้เราได้เชยชมอีกประมาณ 1 สัปดาห์ แล้วก็จะเริ่มร่วงไป ผลิใบอ่อนสีเขียวขึ้นมาแทน (บางทีอาจร่วงเร็วกว่านั้นหากมีฝนตกหรือลมแรง)




การพยากรณ์อากาศ

คราวนี้ ถ้าอยากทราบว่าไปญี่ปุ่นช่วงไหน อุณหภูมิประมาณเท่าไหร่ ขอแนะนำ เว็บไซต์พยากรณ์อากาศ ทั้งหลายค่ะ 

สำหรับช่วงก่อนเดินทาง ส่วนตัวเราจะใช้เว็บ Accuweather ค่ะ เนื่องจากสามารถดูอุณหภูมิเฉลี่ยได้และดูเป็นรายเดือนได้ด้วย ตรงนี้จะเป็นการดูอุณหภูมิคร่าวๆ เพื่อให้รู้ว่าอากาศช่วงนั้นจะหนาว เย็น หรือร้อนประมาณไหน จะได้จัดเตรียมเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายในขั้นต้นได้

ตัวอย่าง
นี่เป็นตัวอย่างการดูอุณหภูมิจาก accuweather ค่ะ อันนี้เราเลือกเป็นเมืองโตเกียว ช่วงเดือนมกราคม ปีหน้า (2019) มันก็จะขึ้นเป็นอุณหภูมิเฉลี่ย (history average) มาให้ ซึ่งจะเห็นว่าค่อนข้างหนาวเลยค่ะ อยู่เลขตัวเดียวตลอดทั้งเดือน เตรียมเสื้อผ้าหน้าหนาวแบบจัดเต็มไปได้เลย


https://www.accuweather.com/en/jp/tokyo/226396/month/226396?monyr=1/01/2019
หลังจากนั้น ช่วงใกล้ๆก่อนเดินทาง แนะนำให้เช็คเพื่ออัพเดทอีกครั้งค่ะ 

แล้วพอไปถึงที่ญี่ปุ่นแล้ว ก็แนะนำให้เช็ควันต่อวันอีกที เพื่อดูสภาพอากาศว่าจะมี ฝนตก หิมะตก ลมแรง เมฆมาก หรือท้องฟ้าแจ่มใส จะได้เตรียมตัวถูกค่ะ
การเช็ควันต่อวันของพยากรณ์อากาศญี่ปุ่นเป็นอะไรที่แม่นมากกกก น่าประทับใจสุดๆ บอกว่าฝนจะตกสิบโมง มันก็ตกสิบโมงจริงๆค่ะ ซึ่งอันนี้เราจะเช็คจากแอพ weather ของ iPhone ค่ะ 

นอกจกานี้ website พยากรณ์อากาศยังมีอีกหลายเว็บนะคะ เลือกชมกับได้ตามพอใจเลย
http://www.jma.go.jp/en/week/
http://www.jnto.go.jp/weather/tha/
http://weather.yahoo.co.jp/weather/

อีกอย่างที่แนะนำให้เช็คด้วยเพื่อจะได้วางแผนการเดินทางได้ดีขึ้น คือ เวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นและตก

เช่น ในฤดูหนาว ปกติพระอาทิตย์จะขึ้นช้าและตกเร็ว ทำให้มีเวลากลางวันค่อนข้างสั้นกว่าฤดูอื่นๆ พูดง่ายๆ คือมันจะมืดเร็ว แล้วเวลาถ่ายรูปตอนแสงน้อย มันจะไม่สวยเอาเนอะ บางครั้งห้าโมงเย็นคือมืดแล้ว เร็วจนน่าตกใจ เวลาวางแพลนเที่ยวก็ต้องคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วยค่ะ
website>> http://www.timeanddate.com/worldclock/sunrise.html

ถ้าใครใช้แอพ waether ใน iphone ตรงนี้ก็จะมีข้อมูลให้ด้วยเลยค่ะ (เข้าใจว่าฝั่งแอนดรอยก็น่าจะมีเหมือนกันนะคะ ลองเช็คกันดูอีกทีนะคะ ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ)



จุดที่อยากให้สังเกต นอกจากอุณหภูมิ สภาพอากาศ เวลาพระอาทิตย์ขึ้นและตกแล้ว คือ feels like เพราะเคยเจอบางทีอุณหภูมิสิบกว่าๆ แต่ feel like 4 องศาก็มีค่ะ 
นอกจากนี้ chance of rain หรือโอกาสที่ฝนจะตก กับ Humidity หรือความชื้นในอากาศ ก็เป็นจุดที่น่าสังเกตเหมือนกันค่ะ โดยเฉพาะคนที่เป็นภูมิแพ้อากาศค่าความชื้นในอากาศนี่สำคัญนะคะ จะมีอาการหรือไม่มีอาการก็วัดกันตรงนี้แหละ


การแต่งกาย

Credit: http://www.style-arena.jp/en/

แน่นอนว่าเรื่องการแต่งกายควรจะสัมพันธ์กับอากาศนะคะ ไม่ใช่ไปช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ ต้นฤดูร้อน แล้วใส่โค้ทขนเป็ดมิชลินตัวหนาๆสำหรับหน้าหนาวไป มันจะเกินเบอร์ไปนิดนึง (จริงๆ ก็ไม่นิดค่ะ เยอะเลย) 


สำหรับ Guidelines เรื่องการแต่งตัว แนะนำ Blog ของคุณ White Amulet บอกไว้ค่อนข้างละเอียดมาก

<< มาญี่ปุ่น(โตเกียว)เดือนไหนแต่งตัวยังไงดี มีอะไรให้เที่ยวบ้าง ของคุณ White Amulet >>
ปกติ เราจะดูคู่กับเว็บ Street fashion ของญี่ปุ่นที่คุณ White Amulet แนะนำไว้ อีกเว็บนึง คือ http://www.style-arena.jp/

และถ้าใครเล่น instagram จงใช้ instagram ให้เป็นประโยชน์ค่ะ
ลองค้นหาสถานที่ที่เราจะไป แล้วไปดูว่าคนอื่นๆ เขาแต่งตัวกันยังไง อากาศประมาณไหนก่อนก็ได้ค่ะ เป็น ref ให้เราในการเตรียมชุด 
ตรงนี้อย่าลืมเลือกเป็น recent ด้วยนะคะ เพราะเวลาค้นหาสถานที่แล้วกดเข้าไป มันจะไปเลือกเป็น top ให้เราก่อน ให้เลือกแถบข้างๆเป็น recent ก่อนค่ะ จะได้เป็นช่วงเวลาปัจจุบันสุด
แล้วก็ระวังนิดนึงด้วยนะคะ เพราะบางคนอาจจะลงรูปย้อนหลังนานก็ได้ ต้องใช้วิจารณญาณในการดูด้วยนิดนึง

ส่วนต่อไปเป็นความเห็นส่วนตัวของเราเองค่ะ

สำหรับช่วงหน้าหนาวที่มีหิมะตก อันนี้คนไทยอย่างเราจัดเต็มไปได้เลยค่ะ แฟชั่นหน้าหนาว หมวก ถุงมือ ที่ปิดหู ผ้าพันคอ เสื้อโค้ท ลองจอน รองเท้าบูท จัดไปค่ะ อันนี้ไม่น่ามีปัญหาเท่าไหร่
ส่วนหน้าร้อน ร้อนมากค่ะ เสื้อผ้าเหมือนอยู่ไทยได้เลยค่ะ 

แต่ฤดูที่เรามีปัญหาตลอดคือช่วงการเปลี่ยนผ่านฤดูอย่างช่วงใบไม้ผลิกับใบไม้ร่วงค่ะ เพราะเป็นช่วงที่อากาศมีความเหวี่ยงอยู่สูงมาก บางวันหนาว บางวันแค่เย็นๆ (และมีโอกาสร้อนหากแดดจัด)

ช่วงเวลาที่เราไปญี่ปุ่นบ่อยที่สุดจะเป็นช่วงเดือนมีนาคม - เมษายนค่ะ ซึ่งเป็นช่วงฮอตฮิตของคนไทยเลย 
อากาศช่วงนี้ ส่วนตัวเราว่ามันจัดเสื้อผ้ายากเอาการ แทบจะต้องคิดกันวันต่อวันเลยค่ะ เพราะบางวันอากาศอยู่ที่สิบกลางๆ ซึ่งเป็นอากาศที่ค่อนข้างเย็นสบาย ใส่เสื้อคลุมตัวเดียวก็เอาอยู่ แต่อยู่ๆวันรุ่งขึ้นอุณหภูมิลดไปอยู่ที่ 7 องศาก็เจอมาแล้วค่ะ เรียกหาโค้ทแทบไม่ทัน (โค้ทวูลสวยงามนะคะ ไม่ถึงขนาดขนเป็ดมิชลิน) บางวันร้อนแบบใส่คาดิแกนยังต้องถกแขนเสื้อขึ้น แต่อยู่ๆอีกวันฝนตก เดินหนาวสั่นอยู่กลางถนน 
เพราะฉะนั้น การเตรียมเสื้อผ้าในช่วงนี้ เผื่อเยอะเผื่อน้อยไปหน่อยก็ดีค่ะ (แต่ถ้าใครสายช็อปอยู่แล้ว ตั้งใจไปซื้อใหม่ที่โน่นเลยก็ไม่มีปัญหาค่ะ จัดไป!) 

คราวนี้ บางคนอาจจะงงค่ะ เห็นอุณหภูมิแล้วบางทียังคิดไม่ออกว่า อุณหภูมิแบบนี้มันหนาวเย็นประมาณไหน เราจะเล่าคร่าวๆให้ฟังค่ะ base on ตัวเราเองที่คิดว่าเป็นคนกลางๆค่อนไปทางขี้หนาวเล็กน้อย 
***กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่านค่ะ การทนต่ออากาศแต่ละคนไม่เหมือนกัน 
สำหรับเรา อุณหภูมิเลขตัวเดียวลงไปคือหนาวค่ะ เสื้อโค้ท ผ้าพันคอ ถุงมือ เราเอาไปแน่ๆ งานลองจอน heattech ก็ต้องมาให้ครบค่ะ
ถ้าช่วง 10 ต้นๆ อันนี้คือยังหนาวอยู่ เหมาะกับเสื้อโค้ทวูลแฟชั่นสวยงาม heattech ยังต้องมีค่ะ ผ้าพันคอก็ควรมี แต่อาจไม่จำเป็นต้องหนามาก เอาไว้กันลม
ช่วง 10 กลางๆไม่เกิน 20 อันนี้ถือว่าอากาศเย็นกำลังสบาย ไม่ถึงกับหนาวค่ะ ใช้เสื้อกันหนาวธรรมดาได้สบายมาก เสื้อคลุมยีนส์ก็ได้ เบลเซอร์ก็เอาอยู่ คาดิแกนก็ยังไหวค่ะ heattech แนะนำเป็นรุ่นธรรมดาที่บางหน่อยค่ะ ซ้อนไว้เผื่อตอนเช้ากับตอนเย็นที่อากาศมักจะเย็นและมีลม หรือบางทีเสื้อคลุมไม่ต้องเลยก็ได้ ใส่สเวตเตอร์หนาๆตัวเดียวก็อยู่ค่ะ (แต่จริงๆ แนะนำให้ใส่แบบซ้อนๆ คลุมๆ เอาดีกว่า เพราะถ้าร้อนก็ถอดได้เลย)
ช่วง 20 ขึ้นมา นี่อากาศสบาย ค่อนจะร้อนในบางวันแล้วค่ะ ใส่เสื้อผ้าสบายๆได้เลย แต่อาจเตรียมเสื้อคลุมบางๆไว้กันลมสักหน่อย

เสื้อผ้าก็ประมาณนี้ค่ะ 

ส่วน item ที่เราแนะนำให้ concern เป็นพิเศษ คือ "รองเท้า"
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เดินเยอะมากๆๆๆค่ะ รองเท้าสำคัญมากจริงๆ ทริปแรกเรานี่เท้าแทบพังเพราะไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เท่าไหร่ เล็บม่วงเลยค่ะ ใช้เวลา 1 ปีพอดีกว่าความม่วงจะหายไปจากเล็บ ตอนแรกนึกว่าต้องไปถอดเล็บแล้ว ( > < ) พอทริปต่อๆมานี่ ถึงได้ให้ความสำคัญ และค้นพบว่ารองเท้าที่ใช่มันดีกับชีวิตจริงๆ

รองเท้าที่ดีไม่จำเป็นต้องแพงนะคะ เอารองเท้าที่เหมาะกับเท้าเราและการใช้งานเป็นดีที่สุดค่ะ 
บางทีกว่าจะเจอรองเท้าที่ใช่มันอาจจะยาก คนอื่นว่าดี แต่มันไม่ดีกับเราก็มี แต่อย่าท้อแท้ค่ะ หามันต่อไป เราจะต้องเจอมันในสักวันค่ะ

สำหรับเราตอนนี้ คู่ที่เรา love ที่สุดและยังไม่มีอะไรมาแทนที่ได้ คือ Skechers Go Walk ค่ะ แต่ไม่ใช่ตัวผ้าที่นิยมกันนะคะ เป็นรุ่นย่อยของ go walk อีกรุ่นนึงซึ่งพื้นจะหนากว่ารุ่นธรรมดาหน่อยนึง
รองเท้านิ่มมากกก นิ่มจนบางคนไม่ชอบ 555+ แต่เราชอบค่ะ ใส่สบายมากๆสำหรับเรา แต่รองเท้านิ่มๆแบบนี้ เราว่าเหมาะแก่การเดินพื้นเรียบๆอย่างถนนในเมืองนะคะ ไม่ค่อยเหมาะกับการเดินป่าเขาเท่าไหร่
แต่ข้อเสียของมันคือ มันไม่ค่อยสวยค่ะ ทรงเชยมาก (แต่ให้อภัยได้เพราะมันใส่สบายจริงๆ)
และข้อเสีย(สุดๆ)ของรองเท้ารุ่นนี้คือ ใช้ๆไปนานๆแล้วจะเริ่มมีกลิ่นค่ะ (ปัญหาใหญ่มากๆ) 
คู่นี้ซื้อมาสองพันกว่าบาท แต่ใช้จนรู้สึกคุ้มมากๆ ทุกวันนี้อยากปลดระวางนางมากค่ะ แต่ยังหาอะไรมาแทนนางไม่ได้ ไปดู Go Walk รุ่นปัจจุบันก็รู้สึกยังไม่อยากซื้อ อยากหาที่สวยกว่านี้ (แต่สบายแบบนี้) ตอนนี้ยังพยายามค้นหาอยู่เรื่อยๆแต่ยังไม่เจอที่ใช่สักที หรือบางครั้งรู้สึกว่าเจอแล้ว แต่ไม่มีไซส์ก็บ่อยค่ะ (ไซส์ฮิตของหญิงไทยก็แบบนี้ค่ะ หมดตลอดเว) ก็ยังต้องหาต่อไปค่ะ.....

ตอนนี้ถือคติ รองเท้าก็เหมือนเนื้อคู่ กว่าจะเจอที่ใช่มันต้องใช้เวลา 5555+

รูปนี้ไม่มี Go walk นะคะ แต่คู่ขาวกับชมพูเป็น Skechers เหมือนกันค่ะ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น