03 มิถุนายน 2561

All About Money แลกเงินยังไง เท่าไรดี มาทางนี้ค่า

การแลกเงิน

เรื่องการเช็คอัตราแลกเปลี่ยน ถ้าต้องการเปรียบเทียบอัตราแลกเปลี่ยนของธนาคารและร้านแลกเงินต่างๆ ภูมิใจนำเสนอเว็บ http://www.bahtcheck.com/ ของคุณ Bookman 
ตามกระทู้ << เช็ก อัตราแลกเปลี่ยน แบบเบ็ดเสร็จ ไม่ต้องเข้าหลายเว็บ >> 
แต่ยังไงควรเช็คกับเว็บผู้ให้บริการโดยตรงอีกครั้งนะคะเพื่อความชัวร์

โดยเฉลี่ยแล้ว แน่นอนว่าอัตราแลกเงินที่ร้านรับแลกเงินมักจะมีกว่าธนาคารค่ะ (แม้จะเคยเจอบางช่วงเหมือนกันที่เรทธนาคารดีกว่า เช่น ตอนช่วงปี 2013 มีช่วงนึง เรทธนาคาร UOB ดีกว่าที่ Superrich อีกค่ะ แต่เป็นส่วนน้อยมากๆๆ)

เอกสารที่ใช้ในการแลกเงินก็จะแล้วแต่ร้านรับแลกเงินค่ะ บางร้านอาจไม่ต้องใช้อะไรเลย
แต่สำหรับ Superrich แลกเงินบาท เป็น เงินต่างประเทศ ใช้ passport/สำเนา passport 
แต่ถ้าแลกเงินต่างประเทศ เป็น เงินบาท เข้าใจว่าใช้บัตรประชาชนก็พอค่ะ

สำหรับตัวเราเอง หลักๆ เราแลกอยู่ 2 ที่ คือ Superrich สีเขียวตรงข้าม CTW กับ ธนิยะสปิริต ตรงสีลม 

แต่นอกจากนี้ยังทีร้านรับแลกเงินอีกหลายแห่งเลยนะคะ ยิ่งถ้าแลกไม่มาก สะดวกที่ไหน ไปตรงนั้นก็ได้ค่ะ ไม่งั้นดีไม่ดี คำนวณรวมค่าเดินทางเข้าไปแล้วอาจจะพอๆกัน

อีกเรื่องคือบางคนจะงงว่าสรุปแล้วเราต้องดูเรทช่องไหน เพราะมันจะมี Buying (ราคาซื้อ) กับ Selling (ราคาขาย)
ง่ายๆ เลยนะคะ ยึดร้านเป็นหลักค่ะ 
Buying คือ เรทราคาเงินตราต่างประเทศที่ร้านรับซื้อ 
Selling คือ เรทราคาเงินตราต่างประเทศที่ร้านขาย

ในแง่ของเราซึ่งเป็นคนเอาเงินไปแลก 
ถ้าเอาเงินบาทไปแลกเป็นเงินเยน = เราเอาเงินบาทไปซื้อเงินเยน = ร้านขายเงินเยนให้เรา = ดูช่อง Selling ค่ะ (ช่องที่เรทจะแพงกว่าอีกช่อง)
กลับกัน ถ้าเอาเงินเยนไปแลกคืนเป็นเงินบาท = เราเอาเงินเยนไปขาย = ร้านรับซื้อเงินเยน = ดูช่อง Buying ค่ะ (เรทจะถูกกว่าค่ะ)

ตัวอย่าง
อัตราแลกเปลี่ยนเงินเยนจาก Superrich สำนักงานใหญ่ ราชดำริ 1 ณ​ วันเสาร์ที่ 2 มิถุนายน 2561
** อัตราแลกเงินของ Superrich แต่ละสาขาจะไม่เท่ากันนะคะ เวลาเช็คต้องเลือกสาขาที่จะไปแลกด้วย


ถ้าเราต้องการซื้อเงินเยนก็ดูที่ช่อง Selling Rate (0.2930) ค่ะ 
ถ้าดูเป็นเลขกลมๆก็คือ 100 เยน จะแลกได้ 29.30 บาท (ถ้าตอนช็อปปิ้งต้องคิดเร็วๆ ก็ตีๆไปเป็น 30 ค่ะ จะคิดง่ายขึ้นเยอะ)

เวลาแลกเงิน เราจะคำนวณคร่าวๆก่อนว่าต้องใช้เงินเยนประมาณเท่าไหร่ แล้วมาคิดจากเลข ณ ตอนนั้นอีกทีค่ะ เช่น ถ้าเราคำนวณแล้วว่าเราจะต้องใช้ค่าใช้จ่ายที่ต้องไปจ่ายที่ญี่ปุ่น 25,000 บาท เราก็จะเอามาหารกับอัตราแลกเปลี่ยน 25,000/0.2930 = 85,324 เยน

แบบนี้ เราก็จะแลกเงินเยนตีเป็นเลขกลมๆ ที่ 85,000 / 86,000 / 90,000 เยน ตามความเหมาะสมค่ะ
* ร้านแลกเงินบางแห่งไม่มีแบงค์พันค่ะ อาจต้องพิจารณาแลกเป็นหลักหมื่นเยนกลมๆ

แล้วคำนวณกลับอีกครั้งค่ะ เช่น ถ้าแลกเป็น 90,000 เยน คือต้องใช้เงินบาทเท่ากับ 90,000*0.2930 = 26,370 บาท ก็เตรียมเงินไปตามนี้ให้พอค่ะ

อีกคำถามนึงที่เจอบ่อย คือ แลกเงินเมื่อไหร่ดี แลกเงินตอนนี้เลยดีมั้ย ค่าเงินเยนจะลงกว่านี้มั้ย
ซึ่งขอบอกเลยว่า "ไม่รู้ค่ะ"

เราเคยเจอค่าเงินเยนตั้งแต่ 100 เยน 40 บาท แล้วมันก็ลดลงมาเรื่อยๆ จน 37 บาท ตอนนั้นเราตื่นเต้นมากกกก เพราะก่อนหน้านี้มันวนอยู่ 38-39 ตลอด เราเลยไปแลกไว้นิดหน่อย
ผลคือ หลังจากนั้นค่าเงินเยนดิ่งลงอยู่ที่ 32-33 ---- OMG! ตอนนั้นช็อคไปเลยค่ะ 
หลังจากนั้นค่าเงินเยนก็วนๆอยู่แถวนี้ 31-32-33 
แต่พอปีถัดมา ค่าเงินเยนตกไปอยู่ 27.XX ---- รอบนี้ไปเที่ยวอย่างสบายใจมากก รู้สึกฟิน 
หลังจากนั้นก็ขึ้นมาเรื่อยๆ จน 31-32 แล้วก็เริ่มลงอีกครั้ง จนตอนนี้อยู่ประมาณ 28-29
---- สรุปว่าปลงเถอะค่ะ ค่าเงินมีขึ้นก็มีลงจริงๆ จาก 40 มาถึง 27 ได้ อย่าไปคิดมากค่ะ เราแค่ไปเที่ยวไม่ได้แลกจำนวนเงินอะไรกันมากมายขนาดนั้น ส่วนต่างนิดหน่อยช่างมันเถอะ อย่าเครียด แลกเมื่อเราเห็นว่าต้องใช้ ราคารับได้ สะดวกในการแลก เราว่าก็โอเคแล้ว

<< Tips >>
เวลาเก็บเงินสดควรแยกเงินไว้หลายๆที่นะคะ เผื่อเวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน กระเป๋าเงินหาย โดนล้วงกระเป๋า จะได้ยังพอมีเงินสำรองอยู่ เช่น ใส่กระเป๋าถือก็อาจแยกเก็บไว้ในซิปของกระเป๋าถือส่วนหนึ่ง ไว้ในกระเป๋าเงินส่วนหนึ่ง

ใครว่าไปญี่ปุ่นของไม่หาย?

มีทริปนึง เพื่อนเรา(เหมือนจะ)โดนล้วงกระเป๋าตอนไปเทศกาลดูดอก Shibazakura ที่ Kawaguchiko ค่ะ (นางมั่นใจว่าโดนล้วง ไม่ได้ตกหายเอง) ขนาดแยกเงินไว้หลายๆ ที่แล้ว ยังโดนไปเกือบ 20,000 บาทไทย แจ้งหายไว้ทั้งที่เจ้าหน้าที่ที่งาน และ ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจด้วย (อันนี้ สนุกมาก ประทับใจคุณตำรวจญี่ปุ่นผุดๆ) .....สุดท้าย ไม่ได้คืนนะคะ ต้องฟาดเคราะห์ไป เป็นข้อเสียร้ายแรงของการพกเงินสด หายที หายเยอะ ทำอะไรไม่ถูกเลย

ค่าใช้จ่าย

นี่เป็นคำถามยอดฮิตค่ะ ไปญี่ปุ่นต้องใช้เงินเท่าไหร่ แลกเงินไปเท่าไหร่ดี บลาๆ

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตอบยากมากๆ เพราะแต่ละคนมี life style การเที่ยวไม่เหมือนกัน 
บางคนต้องอยู่โรงแรมหรู บางคนนอน hostel  ห้องน้ำรวมก็ได้ 
บางคนต้องบินตรง full service เท่านั้น บางคนบินยังไงก็ได้ ต่อเครื่องก็ได้ เอาถูกที่สุดไว้ก่อน
บางคนมีอะไรก็กินๆไป เข้าร้านสะดวกซื้อกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็ได้ บางคน อุตส่าห์มาถึงแล้วต้องกินของดีๆ ร้านดังๆซิ อะไรแบบนี้
ค่าใช้จ่ายมันก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละคน
เพราะฉะนั้นคำนวณเองดีที่สุดค่ะ เพราะเราย่อมต้องรู้ตัวเราเองดีกว่าคนอื่น

ในการคำนวณค่าใช้จ่ายในทริปยังไง จะต้องแลกเงินเท่าไหร่ สำหรับเราจะมีหัวข้อคำนวณคร่าวๆอยู่ค่ะ แต่ที่สำคัญคือ เราต้องวางแผนให้ได้ก่อนนะคะว่าจะไปที่ไหน ยังไงบ้าง 

ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ 
>> ตามโปรฯตั๋วเครื่องบินที่ได้ และต้องตระหนักไว้ว่าถ้าไปช่วง high season อย่างต้นเมษายน หรือช่วงหยุดยาวอย่างสงกรานต์ โปรฯตั๋วเครื่องอาจมีน้อยถึงไม่มีเลย ค่าใช้จ่ายก็จะสูงตาม
ค่าที่พัก/โรงแรม 
>> ประมาณ 1500 บาทต่อคนต่อคืน ราคาประมาณนี้จะได้ business hotel 2-3 ดาวลงมาค่ะ ถ้าพักดีกว่านี้ก็ต้องเพิ่มเงินเข้าไปค่ะ
ค่าอาหาร 
>> ตีไป 1000 บาทต่อคนต่อวัน (สำหรับเราคือรวมพวกขนมต่างๆอยู่ในนี้ด้วยแล้ว)
ค่า pass และการเดินทางในประเทศ 
>> ถ้าเราทำแพลนแล้ว ตรงนี้เราจะพอคำนวณได้ค่ะ โดยเฉพาะถ้ามีการเดินทางข้ามภูมิภาคหรือเดินทางต่างเมืองบ่อยๆ ควรต้องเลือก pass ในการเดินทางให้ดีค่ะ
ค่าเข้าสถานที่ 
>> สถานที่ท่องเที่ยวปกติ ราคาไม่ได้แพงมากค่ะ อาจไม่ค่อยส่งผลต่อค่าใช้จ่ายรวมเยอะ ที่จะหนักคือ พวกบัตรเข้าสวนสนุก Disneyland, Disney Sea หรือ USJ (โดยเฉพาะ USJ หากจะซื้อ Express pass ก็ต้องบอกเข้าไปอีกค่ะ)
อื่นๆ 
เช่น ค่าประกันภัยการเดินทาง, ค่า internet sim
ค่าใช้จ่ายในการ shopping 
>> ข้อนี้สำคัญมาก กรุณาประเมินตัวเองให้ดี และเตรียมบัตรเครดิตไปเผื่อด้วยค่ะ ไปจริง อาจมีอาการเสียสติ ช็อปแหลกจนเงินสดหมดได้ .....เหมือนเรา (> <)

สำหรับการแลกเงินเท่าไหร่ ก็ดูค่ะว่าเราต้องใช้เงินเยนไปจ่ายที่โน่นเท่าไหร่  เพราะค่าใช้จ่ายบางอย่างแน่นอนว่าเราต้องจ่ายตั้งแต่อยู่เมืองไทยแล้ว อย่างเช่นพวกค่าตั๋วเครื่องบิน หรือพาสบางอย่างที่สามารถซื้อจากเมืองไทย หรือบางอย่างเราอาจเลือกเป็นการจ่ายบัตรเครดิตก็ได้ จะได้ไม่ต้องพกเงินสดเยอะค่ะ


บัตรเครดิต

ส่วนใหญ่ บัตรเครดิตที่ออกโดยธนาคารไทย นอกจากจะโดนอัตราแลกเปลี่ยนตามเรทธนาคาร (ซึ่งสูงกว่าร้านรับแลกเงินแล้ว) ยังมี ค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงิน ด้วย ซึ่งค่าความเสี่ยงฯ นี้จะแตกต่างไปในแต่ละธนาคาร
โดยรวมคือ มักจะแพงกว่าแลกเงินไปเอง (มากน้อยแตกต่างกันไปในแต่ละธนาคาร) แต่สะดวกตรงที่ไม่ต้องพกเงินสดเยอะ (แต่ก็ไม่ได้เสมอไปนะคะ มีปีนึง ก่อนไปเราแลกเงินไว้ แต่พอตอนไปทริปจริง ค่าเงินเยนก็ลดลงไปอีก ทำให้พอใช้บัตรเครดิตรูดซื้อของที่โน่นราคาพอๆกับที่แลกเงินไว้แล้วเลยค่ะ)

ปกติ เวลาเราไปต่างประเทศ เราจะโทรแจ้งกับ Call centre นะคะ ว่าอาจมีการใช้งานบัตรเครดิตที่ประเทศนี้ๆๆ วันที่นี้ๆๆ ถึงนี้ๆๆ อะไรก็ว่าไป (ซึ่งจริงๆ บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องโทรบอกค่ะ สามารถใช้ได้เลย แต่เราคุยกับพนักงานธนาคาร ชอบแนะนำให้โทรบอกสักนิดค่ะ โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้เดินทางต่างประเทศบ่อย)





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น