19 ตุลาคม 2557

Day 2: Osaka Amazing Pass

Day 1: Osaka กุหลาบงามกลางเดือนพฤษภาคม
Day 2: Osaka Amazing Pass
Day 3-4: Kyoto Aoi Matsuri
Day 5: Nara and Night bus to Kawaguchiko
Day 6: Kawaguchiko มาปั่นจักรยานกันเถอะ
Day 7: Fuji Shibazakura Festival
Day 8-11: Tokyo (1)
Day 8-11: Tokyo (2) - Kawasaki

∆∇∆∇∆∇∆∇∆∇∆∇∆∇∆∇∆∇∆∇∆∇∆∇∆∇∆∇∆∇∆∇∆∇∆∇

:: Osaka Amazing Pass

หลังจากเมื่อวานเราไปเที่ยวชมน้องดอกกุหลาบมาแล้ว วันนี้เราจะตามเก็บสถานที่ท่องเที่ยวในโอซาก้าด้วยบัตรเบ่งบัตรนี้ค่ะ




Osaka Amazing Pass เป็น pass ที่เหมาะมากสำหรับคนที่อยากเที่ยวอยู่ในโอซาก้าทั้งวัน สามารถใช้กับรถไฟในโอซาก้าได้ครอบคลุมเกือบทั้งหมด (ยกเว้น JR) โดยไม่จำกัดจำนวนเที่ยว และสามารถเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวได้ฟรี 28 แห่งตามที่ระบุไว้ และสามารถลดราคาหรือมีสิทธิพิเศษได้ในสถานที่ท่องเที่ยวอีก 13 แห่งตามที่ระบุไว้
ใครที่จะจัดแผนการท่องเที่ยงในโอซาก้า เราแนะนำให้ไป download Guidebook ของ Osaka Amazing Pass มาดูค่ะ << Download >>

Osaka Amazing Pass จะมี 2 แบบ คือ
แบบ 1-day ราคา 2300Y และ
แบบ 2-days ราคา 3000Y    
แบบ 1-day กับ 2-day จะใช้กับสายรถไฟได้แตกต่างกัน โดยแบบ 1-day จะใช้ได้ครอบคลุมมากกว่า
ทั้งนี้ การนับวันของ Osaka Amazing Pass ต้องนับต่อกันเท่านั้น เช่น 2-day ใช้ครั้งแรกวันที่ 12 ก็จะใช้ได้เฉพาะวันที่ 12 กับ 13 เท่านั้น จะเก็บไว้ใช้แบบแยก แบบใช้ครั้งแรกวันที่ 12 แล้วใช้ครั้งต่อไปวันที่ 14 ไม่ได้

ใน Guidebook จะบอกสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในโอซาก้าไว้ พร้อมรายละเอียดการเดินทางและวันหยุดทำการของสถานที่ท่องเที่ยวนั้นๆ ทำให้เราสามารถวางแผนได้ง่ายขึ้นมาก
หน้าสำคัญ ดอกจันทน์ 300 ดอก คือ หน้า 15 ซึ่งเป็นแผนที่การเดินรถไฟทั้งหมดในโอซาก้าที่บัตรนี้ครอบคลุมถึง หน้านี้จะช่วยเราได้มากเลยค่ะ




วันนี้เราเริ่มต้นกันด้วยที่นี่ก่อนเลยค่ะ Osaka Castle 




Osaka Castle เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเมืองโอซาก้า สร้างขึ้นเป็นครั้งแรกบนบริเวณที่เคยเป็นวัด Osaka Hongan-ji เมื่อปี ค.ศ. 1583 โดย Toyotomi Hideyoshi (ค.ศ.1537-1598) นักรบระดับไดเมียวผู้พยายามรวบรวมประเทศเป็นครั้งแรก 
ปราสาทโอซาก้าได้รับความเสียหาย/ถูกทำลายทั้งจากภัยธรรมชาติและภัยสงครามหลายครั้ง รวมทั้งได้ถูกบูรณะขึ้นใหม่หลายครั้ง 
ปัจจุบัน ปราสาทโอซาก้าสูง 55 เมตร มี 5 ส่วน 8 ชั้น มีลิฟต์ติดตั้งภายในและมีสิ่งอำนวยความสะดวกแบบสมัยใหม่มากมาย


วิวจากด้านบนของตัวปราสาทโอซาก้า
คหสต. 


ที่นี่เป็น landmark สำคัญของโอซาก้าเลย ใครมาโอซาก้าก็น่าจะต้องมาสัมผัสที่นี่สักครั้ง
ถ้าเป็นช่วงที่ซากุระบาน ยิ่งน่ามามากๆ เพราะปราสาทโอซาก้าเป็นชุดชมซากุระที่สำคัญอีกแห่งของโอซาก้า และจะมีงาน Light-up ในช่วงนั้นด้วย
สถาปัตยกรรมภายนอก สวยงาม ดูแปลกตา (สำหรับคนไทยอย่างเราๆ)
แต่อย่าคาดหวังความขลัง ความเก่าแก่ เพราะอย่างที่บอกไปว่าตัวปราสาทถูกบูรณะ/สร้างใหม่หลายครั้งมากๆ ภายในจึงทันสมัยสุดๆ ไม่มีเค้าความโบราณเลย 
ภายในตัวปราสาท ตอนนี้เป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์บอกเล่าเรื่องราวของตัวปราสาท (ถึงจะฟังไม่ออก แต่ก็ดูเพลินดีค่ะ) และชั้นบนสุดเป็นจุดชมเมืองโอซาก้า

อ้อ ที่นี่สนุกมากอยู่อีกอย่าง คือ เราเจอน้องๆมาทัศนศึกษากัน เป็นเด็กอารมณ์ดีกันมากมาย เห็นเรากับเพื่อนมีการทัก "Hello" กันตลอดทาง แล้วพอเพื่อนเรา "Hello" กลับเท่านั้น คราวนี้ยิ่งเสียง Hello เกรียวกราวเลย ไม่ได้กลัวคนแปลกหน้าเล้ยยยยย น่ารักมากๆค่ะ




ออกจากที่นี่เราเดินไปต่อกันที่ Osaka Museum of History





พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์โอซาก้าสร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ. 2001 บนพื้นที่ที่เมื่อ 1350 ปีที่แล้วเคยเป็นพระราชวัง Naniwa Toyogarasaki No Miya โดยได้อนุรักษ์โบราณสถานที่ขุดค้นได้เกี่ยวกับพระราชวังไว้ที่ชั้นใต้ดิน ในขณะที่ชั้นบนเป็นห้องจัดแสดงนิทรรศการต่างๆ และยังเป็นที่เก็บรวบรวมหลักฐานและสมบัติที่ค้นพบในตัวปราสาทโอซาก้าทั้งหมดไว้ 


ถ้ามองจากอาคารพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์จะเห็นปราสาทโอซาก้าแบบนี้ด้วยค่ะ
คหสต. 

เราเป็นคนไม่อินกับพิพิธภัณธ์เลยค่ะ อาจเพราะว่าฟังไม่ได้สนใจประวัติศาสตร์อะไรเท่าไหร่ ยิ่งประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นนี่ความรู้เป็นศูนย์ ภาษาญี่ปุ่นก็ไม่ออก ภาษาอังกฤษก็ไม่แข็งแรง 
เรียกว่า ที่นี่ เราเดินเอาเพลินอย่างเดียวเลย 

มาสนุกตอนท้ายๆ ก่อนออกจากพิพิธภัณฑ์ค่ะ เพราะมีคุณลุงที่ทำงานจัดกิจกรรมอยู่ที่นั่นชวนให้เล่นเกมส์ 
เกมส์เป็นเกมส์ง่ายๆ คล้ายๆ บันไดงู คือ ให้ทอยลูกเต๋า พอเราเดินไปตกช่องไหนก็จะมีคำถามเกี่ยวกับประวัติของเมืองโอซาก้าให้ตอบ ซึ่งคุณลุงใบ้สุดชีวิตมากๆ ค่ะ บางข้อแทบจะบอกคำตอบกันเลย แล้วที่ฮามากคือ เราทอยลูกเต๋าได้ 1 ตลอดเว!!!!! ทอยจนคุณป้ากับคุณลุงอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ขำกันใหญ่เลย ดวงดีผุดๆ (T^T) เพื่อนเราเล่นจนถึงเส้นชัยไปนานแล้ว เรายังเล่นไปไม่ถึงไหนสักที ถ้าไม่ติดว่าใช้ลูกเต๋าอันเดียวกับเพื่อนละก็ เราว่ามันต้องมีการวางกลไกอะไรที่ลูกเต๋าแน่เลย ทำให้เราทอยออก 1 ตลอด 555+
ป.ล. คุณลุงใช้ภาษาอังกฤษได้ดีมากๆ เลยค่ะ ฟังไม่ยากด้วย คุณลุงบอกว่าเคยมาเมืองไทยด้วยเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว 

อยู่ญี่ปุ่น 2 วัน รู้สึกว่าเด็กและคนแก่ที่นี่สุขภาพจิตดีกันจริงๆ

จากที่นี่เราไปต่อกันที่ Osaka Museum of Housing and Living


cr. google (ขอยืมภาพจากอินเตอร์เน็ตค่ะ)

"Osaka Kurashi No Konjaku Kan" จัดแสดงอาคารบ้านเรือนของชาวเมืองโอซาก้าตั้งแต่สมัยเอโดะ (ค.ศ.1603-1867) จนถึงสมัยเมจิ (ค.ศ.1868-1912) สมัยไทโช (ค.ศ. 1913-1926) และสมัยโชว่า (ค.ศ.1926-1989) จุดที่น่าสนใจมากที่สุดอยู่ที่การจำลองบ้านเรือนของชาวเมืองโอซาก้าในราวค.ศ.1830-1844 โดยมีการปรับแสงเสียงตามเวลาเช้า กลางวัน เย็น สะท้อนให้เห็นภาพความเป็นอยู่ของชาวเมืองในเวลานั้นใกล้เคียงความจริงมาก และในบางฤดูกาล ยังมีการจัดนิทรรศการต่างๆที่น่าสนใจเช่น การจัดแสดงอาหารที่ใช้ปลา Hamo หรือปลาไหลทะเล การแสดงสมบัติที่ชาวเมืองใกล้เคียงนำมาร่วมจัดแสดง การแสดงการละเล่นของผู้คนทั่วไปในอดีต ฯลฯ

คหสต.

สำหรับที่นี่ เท่าที่อ่านรีวิวมา หลายคนค่อนข้างชอบเลยค่ะ แต่สำหรับเรา เราไม่ค่อยชอบค่ะ เราว่ามันเฟคมากเลยอ่ะ 555+ แต่ถ้าเอาแบบถ่ายรูปขำๆ ก็สนุกดีค่ะ ได้บรรยากาศไปอีกแบบนึง มีให้เปลี่ยนเช่าชุดยูกาตะเพื่อใส่ถ่ายรูป

Osaka Museum of Housing and Living จะตั้งอยู่ในตึกค่ะ ซึ่งถ้าไปตามที่ Guidebook บอก มันหาเจอง่ายมากเลย .....แต่มันง่ายเกินไป จนเราเดินเลยค่ะ 555+ ต้องไปถามคุณพี่ตำรวจแถวนั้น ซึ่งคุณพี่ก็พอเดินกลับไปส่งถึงตึกเลย ปรากฏว่าเป็นตึกแรกที่เจอหลังจากเดินออกมาจาก subway นั่นแหละ 
งงตัวเองมากว่าหลงได้ยังไง 555+
ซอยข้างๆ อาคารนี้เป็นย่านช็อปปิ้งนะคะ เรากับเพื่อนหามื้อกลางวันทานกันที่นี่แหละ สุ่มๆดูเอา 
แล้วก็ไปจบกันที่ "ซูชิจานเวียน" ร้านหนึ่ง ....และเป็นครั้งแรกที่ได้ลอง "อุนิ" 
........
.....
...
รสชาติเกินบรรยาย เป็นรสชาติที่จะจดจำไปชั่วชีวิต!

ออกจากแถวนี้ เราตรงไป Bay area กัน

บ้านเมืองย่านนี้น่ารักดีค่ะ เงียบมากด้วย ช่วงที่เราไปคนน้อยมากๆ ถ้าเทียบกับส่วนอื่นๆ ของโอซาก้า


วิวนี้ เห็นจากบน Tempozan ค่ะ
ย่านนี้ Highlight สำคัญ สำหรับคนที่พาลูกหลานหรือมีเด็กๆมาด้วย ต้องห้ามพลาด พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Kaiyukan 
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคังนับเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ติดอันดับโลกเลยค่ะ 
สำหรับคนที่ใช้ Osaka Amazing pass ที่นี่ ไม่ได้เข้าชมฟรี นะคะ แต่จะมีส่วนลดค่าเข้าชมให้
และเนื่องจากมันไม่ฟรี และเรากับเพื่อนไม่ได้อินกับสัตว์น้ำทั้งหลายมากนัก ก็เลยตัดสินใจไม่เข้าค่ะ เอาเวลาที่มีไปเที่ยวสถานที่ที่ฟรีดีกว่า (กลัวไม่คุ้มค่ะ 555+)
(จริงๆ ถ้ามันเข้าฟรีก็น่าเข้าค่ะ เพราะการ์ตูนญี่ปุ่น เค้าชอบไปเดทกันที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเหลือเกิน อยากลองดูสักครั้งเหมือนกันว่าเป็นยังไง 555+)

จุดมุ่งหมายของเราในบริเวณนี้ (ซึ่งฟรี) มีอยู่ 2 แห่งค่ะ 

ที่แรกคือ Tempozan Giant Ferris Wheel



ชิงช้าสวรรค์เท็มโปซาน เป็นชิงช้าสวรรค์ขนาดยักษ์ มีความสูง 112.5 เมตร เมื่อก่อนเคยได้รับการบันทึกตำแหน่งเป็นชิงช้าสวรรค์ที่ใหญ่อันดับโลก แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วค่ะ ปัจจุบันรู้สึกจะไม่ติด top 3 ของชิงช้าสวรรค์ในญี่ปุ่นด้วยซ้ำไป

คหสต.

ชอบอ่ะ บอกเลย มันสูงดี มุ้งมิ้งมากมาย ถึงแม้ว่าเราจะกลัวความสูงเบาๆ และรู้สึกหวาดเสียวทุกครั้งที่เพื่อนเปลี่ยนฝั่งนั่ง แต่ก็สนุกดีค่ะ เห็นวิวไกลมาก มองดูด้านล่าง รถคันเล็กนิดเดียวเอง ถ้ามากับแฟน น่าจะมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งมากกว่ามากับเพื่อนสาวอีกเย้อะะะะ

และอีกที่ คือ Cruise Ship Santa Maria 


cr. http://www.osaka-info.jp/en/facilities/cat37/post_328.html

เรือ Santa Maria เป็นเรือสำราญขนาดใหญ่ที่ล่องระหว่าง Tempozan Harbor Village, Kaiyukan และผ่านสถานที่สำคัญต่างๆ ในย่านนี้ไม่ว่าจะเป็นสะพานแดง (Red Bridge), Universal Studios ฯลฯ ตัวเรือสร้างเลียนแบบเรือ Santa Maria ของโคลัมบัสที่ใช้ค้นพบทวีปอเมริกา แต่ขนาดใหญ่กว่าเป็น 2 เท่า
ใน 1 รอบจะใช้เวลาในการล่องประมาณ 45 นาที โดยเรือจะออกจากท่าที่อยู่ด้านหลังพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Kaiyukan ทุกๆ หนึ่งชั่วโมง
สำหรับผู้ใช้ Osaka Amazing Pass เรือ Santa Maria จะฟรีเฉพาะที่เป็น Day-cruise เท่านั้นค่ะ (เราจำได้ว่าจะมีเวลาบอกไว้ที่ไหนสักแห่งค่ะว่าเที่ยวสุดท้ายที่จะสามารถใช้ Osaka Amazing Pass ขึ้นฟรีคือกี่โมง แต่เราหาไม่เจอแล้วว่าอยู่ตรงไหน)

คหสต. 

Santa Maria เป็นอะไรที่ผู้ถือ Osaka Amazing Pass ควรมามากๆ เพราะมันเป็นส่ิงที่แพงที่สุดใน 28 แห่งที่ Osaka Amazing Pass เข้าชมได้ฟรี 55555+
ช่วงที่เราไปอากาศเย็นมากๆเลยค่ะ ดูวิวไปก็เพลินพอสมควร
แต่ที่ชอบใจมากตอนนั้น คือ เห็นฮอกวอต ของ USJ ด้วย (ตอนที่เราไปโซน Harry Potter ยังไม่เปิดให้บริการค่ะ แค่ได้เห็นปราสาทก็ดีใจแล้ว)

ออกจากย่านนี้ เราจะนั่งรถไฟกลับเข้าเมืองไปย่าน Umeda กันค่ะ

แรกเริ่มเลย วางแผนไว้ว่าจะไปดูวิวที่ Umeda Sky Building: the Floating Garden Observatory แล้วอาจไปนั่งชิงช้า Hep Five กัน ตบท้ายด้วยย่าน Namba ไปขึ้นเรือ Tombori River Cruise แล้วหามื้อเย็นทาน + Shopping แถวนั้น





แต่น้องฝนที่รักดันตกลงมา เลยต้องเปลี่ยนแผนไปนั่งหลบฝนกันอยู่ที่ Floating Garden Observatory ตั้งแต่ตะวันยังไม่ตกดินจนฟ้ามืดเลยทีเดียว ทำให้ต้องตัด Hep Five กับ Tombori River Cruise ทิ้งค่ะ เหลือไว้แค่ไปหามื้อเย็นทาน + Shopping ย่าน Namba แล้วเดินกลับโรงแรม




อยู่กันตั้งแต่ฟ้าสว่างจนฟ้ามืดเลยค่ะ

Umeda Sky Building เป็นอีกหนึ่ง landmark ของโอซาก้า โดดเด่นใจกลางเมืองด้วยความสูงถึง 173 เมตร Skyscrapper แห่งนี้สร้างเสร็จเมื่อปี 1993 มีความเป็นเอกลักษณ์ด้วยการเชื่อมต่ออาคาร 2 ตึกกลางอากาศ มีบันไดเลื่อนเชื่อมจากตึกหนึ่งไปอีกตึกหนึ่ง (บันไดเลื่อนน่ากลัวมากกกก รู้สึกหวิวๆ ทั้งขาขึ้นและขาลง) 
สวนลอยฟ้า หรือ Floating Garden จะตั้งอยู่บนชั้น 40 ค่ะ ซึ่งถึงแม้มันจะใช้ชื่อว่า "สวน" "garden" แต่มันไม่ได้เป็นสวนหรอกนะคะ 





คหสต.


รู้สึกโชคดีที่ฝนตกค่ะ ไม่อย่างนั้น เราคงไม่ได้อยู่ชมวิวยามค่ำคืนที่นี่
สวยมากจริงๆ ค่ะ น่าเสียดายที่ตอนออกไปตรง Floating Garden ฝนก็ยังคงปรอยอยู่ เลยถ่ายรูปแบบรีบๆ ค่ะ กลัวป่วย ต้องอยู่เที่ยวกันอีกหลายวัน

แถมย่านสุดท้ายค่ะ Namba









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น