07 พฤษภาคม 2560

ประสบการณ์ Shopping @King Power ช็อปอย่างไรให้คุ้ม

สวัสดีค่าาาาา ทริปนี้เป็นทริปดองไว้ 1 ปีเต็มพอดี (ดองทริปละปีตลอดดดด) ไปมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2016 แต่เพิ่งมีโอกาสมาเล่าประสบการณ์ให้ฟังค่ะ 
ทริปนี้เป็นการไปโตเกียวครั้งที่ 3 ของเรา 
อย่างที่เห็นกันในบล็อกที่ผ่านๆมา ก่อนหน้านี้เราเคยไป Backpack กับเพื่อนมาแล้ว และครั้งนี้ มีนาคม 2016 ก็ได้ไปอีกครั้ง แต่ความพิเศษของทริปนี้อยู่ตรงที่เราไปกับทัวร์ครึ่งหนึ่งค่ะ แล้วขอเลื่อนตั๋วอยู่ต่อเองอีกส่วนหนึ่งค่ะ เดี๋ยวจะมาเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียการท่องเที่ยวทั้งแบบทัวร์และไปเองแบบแบ็คแพ็คสำหรับเราให้ฟังกัน

แต่ก่อนที่จะไปสู่การท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่นกัน ด่านที่เราต้องผ่านก็คือ King Power ค่ะ ซึ่งทริปนี้เป็นทริปที่อยู่ในช่วงที่เราสามารถใช้สิทธิวันเกิดของบัตรสมาชิก King Power ได้พอดี ช็อปคุ้มแค่ไหน จะมาเล่าให้ฟังค่ะ

--------------------------------------


ปกติเวลาไปต่างประเทศ ด่านแรกที่ทดสอบกิเลสของเราได้เป็นอย่างดี คือ ที่นี่เลยค่ะ 

“KING POWER DUTY FREE”

ก่อนอื่นเลยมารู้จัก King Power กันก่อน 
King Power เป็น Duty Free นั่นหมายความว่า สินค้าของที่นี่จะเป็นสินค้าปลอดภาษีอากรค่ะ 
นอกจากที่เราคุ้นเคยกันดีแบบที่สนามบินอย่างดอนเมืองหรือสุวรรณภูมิแล้ว King Power (ในกรุงเทพฯ) ยังมีอีก 2 ที่ คือ รางน้ำและศรีวารี ซึ่งเราสามารถเข้าไปเดินเล่นซื้อของกันได้ก่อนที่จะบินไปต่างประเทศเลยค่ะ หรือแม้แต่คนที่ไม่มีไฟล์ทบินไปต่างประเทศก็สามารถเข้าไปเดินเล่นกันได้ 
แต่ถ้าไม่มีไฟล์ทบินไปต่างประเทศ สินค้าที่จะซื้อออกมาได้นั้นจะต้องเป็นสินค้าป้ายฟ้าเท่านั้นค่ะ 
สินค้าป้ายฟ้าที่สามารถนำกลับได้ทันที ก็เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า กล้องถ่ายรูป อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ขนม ของที่ระลึก อะไรประมาณนี้ค่ะ

และสำหรับ King Power นอกสนามบินที่เราไปบ่อยๆนั้น คือ ที่นี่เลยค่ะ “King Power Downtown Complex” หรือ “King Power รางน้ำ” นั่นเองค่ะ

การเดินทาง

การเดินทางมาที่นี่ ง่ายแสนง่าย สะดวกสุดๆ แค่เพียงนั่งรถไฟฟ้า BTS มาลงที่สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (Victory Monument) 
จากนั้นสามารถไปรถบริการของ King Power ได้ จุดขึ้นรถอยู่ที่ด้านข้างของห้างเซ็นจูรี่ฝั่งซอยรางน้ำหรือถ้าใครไม่อยากรอรถ จะเดินไปก็ได้ค่ะ อยู่ในระยะเดินได้ ไม่ไกลค่ะ

การซื้อสินค้า

การมาซื้อสินค้าที่รางน้ำหรือศรีวารี สามารถมาซื้อได้ล่วงหน้าก่อนวันเดินทาง 60 วัน
โดยเมื่อซื้อสินค้า (ที่ไม่ใช่สินค้าป้ายฟ้า) เสร็จแล้ว เราจะต้องไปรับสินค้านั้นที่จุด pick-up counter ที่สนามบินในวันเดินทางค่ะ (จุด pick-up counter จะอยู่ในอาคารผู้โดยสารขาออก ซึ่งเราจะต้องเช็คอินและดำเนินการผ่าน ตม. เพื่อออกนอกประเทศแล้ว จึงจะสามารถเข้ามาในส่วนนี้ได้)

ข้อดีของการมาซื้อของ King Power ที่รางน้ำก่อนแทนที่จะไปซื้อที่สนามบินเลย
ข้อแรกเลยคือเรามีเวลาค่ะ เราสามารถเดินดูของได้เรื่อยๆแบบไม่ต้องเร่งรีบมาก (ช่วงที่ผ่านมา บางทริปของเรานี่ อย่าว่าแต่ซื้อของเลย กว่าจะผ่าน ตม. ได้ ก็แทบจะวิ่งไปที่เกทแล้วค่ะ เวลาแวะซื้อของนี่ไม่มีเลย อย่าว่าแต่ค่อยๆเดินดูสินค้าเลยค่ะ เพราะฉะนั้น สายช็อปอยากมีเวลาละเลียดเดินแนะนำให้มาที่นี่ก่อนค่ะ ค่อยๆเดิน ค่อยๆช็อปกันซะให้พอ จะได้ไม่ต้องเร่งรีบในวันเดินทาง
หรือหากใครไม่สะดวกเดินทางมาที่นี่ก่อน เดี๋ยวนี้ King Power มี website ให้ช็อปออนไลน์ด้วยค่ะ สะดวกไปอีก >> http://www.kingpoweronline.com

ข้อที่สอง คือ เราสังเกตว่า สินค้าที่นี่จะมีหลากหลายแบรนด์มากกว่าที่สนามบิน โดยเฉพาะที่ดอนเมือง รู้สึกเลยว่าสินค้าจะน้อยกว่าที่นี่มาก (รางน้ำว่าเยอะแล้ว แต่เค้าเคลมว่าที่ที่ใหญ่ที่สุดคือ ศรีวารี นะคะ ซึ่งยังไม่มีโอกาสได้ไปสักที ถ้ามีโอกาสได้ไปจะมาเล่าให้ฟังค่ะ)
และข้อสาม ข้อสำคัญ ที่ทำให้ทริปนี้ เราต้องมาที่นี่ก่อน คือ มาเพื่อใช้สิทธิวันเกิด cash back 30% (เดี๋ยวจะพูดถึงต่อไปค่ะ)

แต่อย่างไรก็ตาม การมาซื้อสินค้าที่นี่มีข้อเสียอยู่อย่างหนึ่งถ้าเทียบกับการซื้อที่สนามบิน คือ เราจะต้องไปรับสินค้าในวันเดินทางออกนอกประเทศไทย ซึ่งหมายความว่าเราจะต้องนำติดตัวไปต่างประเทศด้วย ไม่สามารถฝากไว้ที่สนามบินก่อน แล้วค่อยมารับตอนขากลับเข้าประเทศได้อย่างการซื้อสินค้าที่สนามบินดอนเมืองหรือสุวรรณภูมิ
แตกต่างจากปกติ หากซื้อสินค้าใน King Power ที่สนามบินดอนเมืองหรือสุวรรณภูมิ และสินค้ามีมูลค่ารวมไม่เกิน 20,000 บาท จะสามารถฝากไว้ที่สนามบิน แล้วค่อยมารับในวันที่เรากลับมาถึงประเทศไทยได้ โดยที่เราไม่ต้องแบกไปต่างประเทศด้วยค่ะ (สะดวกเนอะ)

สำหรับสิ่งที่เราจะต้องมีเมื่อมาช็อปที่นี่มีอยู่ 3 อย่างค่ะ
1. ข้อมูลพาสปอร์ต - ไม่จำเป็นต้องมีพาสปอร์ตตัวจริงมาด้วยนะคะ แค่จำเลขพาสปอร์ตให้ได้หรือมีไฟล์สำเนาหรือรูปพาสปอร์ตติดไว้ในโทรศัพท์มือถือก็ได้ค่ะ
2. ข้อมูลไฟล์ทบิน - จำไฟล์ทบินกับวันที่บินได้ก็โอเคแล้วค่ะ ไม่จำเป็นต้องมีบอร์ดดิ้งพาสหรือเอกสารการจองที่นั่งมาด้วย 
และ 3. เงิน!!! (สำคัญมาก 555+)

โดยเมื่อมาถึง King Power รางน้ำแล้ว เราจะต้องนำข้อมูลพาสปอร์ตและไฟล์ทบินไปลงทะเบียนที่จุดลงทะเบียนก่อนให้เรียบร้อยก่อนค่ะ จากนั้นก็เริ่มช็อปได้เลย !!!!


อ๊ะ! แต่ก่อนไปช็อป ขอพูดถึงระบบสมาชิกของ King Power สักหน่อยค่ะ (เพราะนี่คือสาเหตุหลักให้เราต้องดั้นด้นมาช็อปที่รางน้ำก่อนล่วงหน้า)

ระบบสมาชิกของ King Power



ระบบสมาชิกของ King Power เพิ่งมีการเปลี่ยนใหม่เมื่อ 2-3 ปีก่อน 
ปัจจุบันระบบสมาชิกของ King Power จะแบ่งออกเป็น Navy, Scarlet, Onyx, Crown, Vega 
แต่ละระดับก็จะมีส่วนลดและสิทธิพิเศษที่แตกต่างกันค่ะ รวมถึงเงื่อนไขในการได้บัตรแต่ละระดับก็แตกต่างกันด้วย
รายละเอียดตามนี้ http://www.kingpower.com/th/membership/membercard

แต่สำหรับบัตรที่เราถืออยู่ปัจจุบัน จะเป็นบัตรอีกแบบซึ่งพนักงานเรียกว่า “Jade” ค่ะ บัตรนี้น่าจะเป็นบัตรที่นำมาใช้เฉพาะกาลเพื่อเปลี่ยนผ่านจากระบบสมาชิกแบบเก่าไปเป็นระบบสมาชิกแบบใหม่ 



บัตรใบนี้ของเราลดได้ 10% ตามสถานะสมาชิกเดิมที่เคยได้ค่ะ (ถ้าเดิมใครที่ลดได้มากกว่า 10% ก็ยังคงได้ส่วนลดตามเดิมที่เคยได้ค่ะ)
โดยบัตรนี้จะมีอายุ 2 ปี (บัตรใบนี้ของเราเพิ่งหมดอายุตอนมกราคม 2017 นี่เองค่ะ) 
เมื่อครบ 2 ปีแล้ว จากนั้นจะเข้าสู่ระบบสมาชิกแบบใหม่โดยดูจากจำนวนกะรัต (คล้ายคะแนนสะสม) หรือยอดการใช้จ่ายของเราในช่วง 2 ปีระหว่างอายุบัตร
ถ้ามียอดกะรัตเกิน 1,000 กะรัตหรือมีการใช้ง่ายเกิน 100,000 บาท ก็จะได้บัตรเป็น Scarlet (ได้ส่วนลด 10%)
ถ้ามากกว่านี้ก็ไล่ขึ้นไปเรื่อยเป็น Onyx, Crown หรือ Vega ค่ะ
แแต่ถ้าน้อยกว่านี้ ก็จะได้รับเป็นบัตร Navy ค่ะ (ส่วนลด 5%)

การเป็นสมาชิก King Power นอกจากจะมีส่วนลดและสิทธิพิเศษหลายอย่างแล้ว สิทธิพิเศษอย่างหนึ่ง ซึ่งคุ้มมากๆ คือ สิทธิวันเกิด (Birthday Celebration)

สิทธิวันเกิด (Birthday Celebration)

สิทธิวันเกิดนั้นจะสามารถใช้ได้ภายใน 3 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ของเดือนเกิด
เช่น เกิดวันที่ 16 มกราคม สามารถใช้สิทธิวันเกิดได้ตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม - 31 มีนาคม
และการใช้สิทธินี้สามารถใช้ได้เลย โดยเพียงการแสดงบัตรสมาชิก King Power ไม่ต้องใช้การ์ดอวยพรวันเกิดที่ King Power ส่งไปให้ในเดือนเกิดนะคะ อันนั้นเค้าแค่ส่งไปอวยพรเราและแจ้งสิทธิวันเกิดเฉยๆ ไม่เกี่ยวกับการใช้สิทธิค่ะ

สิทธิวันเกิด
ต่อที่ 1 คือ จะได้รับ Cash back 30% ของมูลค่าสินค้า เมื่อซื้อสินค้าราคาปกติตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไป 1 ชิ้นที่ King Power รางน้ำ ศรีวารี พัทยา หรือภูเก็ต
และต่อที่ 2 จะได้รับ Cash Back 25% ของมูลค่าสินค้า เมื่อซื้อสินค้าที่ King Power ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง หรือภูเก็ต
ทั้งนี้ การจะใช้สิทธิต่อที่ 2 ได้นั้น จะต้องใช้ต่อที่ 1 แล้วเท่านั้น ถ้าหากไม่มีการใช้สิทธิต่อที่ 1 ที่รางน้ำ ศรีวารี พัทยา หรือภูเก็ต ก็จะไม่สามารถใช้สิทธิต่อที่ 2 ที่สนามบินได้

ข้อสังเกต

1. การใช้สิทธิวันเกิดนั้นจะใช้ได้เฉพาะกับบางแบรนด์เท่านั้นนะคะ ไม่ใช่ว่าสามารถใช้กับทุกอย่าง ต้องเช็คด้วยว่าของที่เราต้องการซื้อนั้น แบรนด์นั้นสามารถใช้สิทธิวันเกิดได้หรือไม่
สำหรับกลุ่มเครื่องสำอางรู้สึกว่าจะใช้ได้เกือบทุกแบรนด์ค่ะ ....แต่จริงๆ สิทธินี้ใช้กับพวกกล้องหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ราคาสูงๆน่าจะคุ้มกว่า

2. ต้องเป็นการใช้กับสินค้า "1 ชิ้น" 
แค่เพียง 1 ชิ้นเท่านั้น แต่ในที่นี้รวมถึงพวกสินค้าที่จัดชุดหรือจัดเป็นเซ็ทด้วยนะคะ ถ้ามีป้ายราคาเดียวนับเป็น 1 ชิ้นค่ะ

3. cash back ที่ได้คืนนี้จะอยู่ในรูปของ e-purse
เมื่อใช้สิทธิวันเกิดแล้ว cash back ที่จะได้คืนนี้ เราจะได้คืนเป็น e-purse เข้าในบัตรสมาชิก โดย e-purse ที่ได้จากสิทธิวันเกิดนี้จะมีอายุอยู่แค่ 3 เดือน (เพราะฉะนั้น ถ้าใครใช้สิทธิวันเกิดแล้วมี e-purse อยู่ รีบๆใช้นะคะ ถ้ารู้ตัวว่าจะไม่มีบินใน 3 เดือน ก็ใช้ให้หมดในทริปนั้นได้เลย)

และในการใช้ e-purse นั้น ก็คล้ายกับการใช้สิทธิวันเกิด คือ ใช้ได้กับเฉพาะบางแบรนด์เท่านั้น บางแบรนด์ก็ใช้ไม่ได้ (สำหรับกลุ่มเครื่องสำอาง ถ้าจะไม่ผิดมี Chanel กับ Dior ที่ใช้ไม่ได้ค่ะ)

ทั้งนี้ บางแบรนด์อาจจะใช้สิทธิวันเกิดได้ แต่ไม่รับ e-purse หรือบางแบรนด์ก็ไม่รับสิทธิวันเกิด แต่รับ e-purse ก็ได้ค่ะ 
เราต้องเช็คให้ดีว่าสินค้าที่เราจะซื้อนั้น สามารถใช้สิทธิวันเกิดหรือ e-purse ได้หรือไม่
(ในเบื้องต้น สามารถสอบถามจาก facebook ของ King Power ได้ค่ะ หรือจะสอบถามทางโทรศัพท์ก็ได้)

4. เราต้องซื้อสินค้าที่เราจะใช้สิทธิวันเกิดในราคาปกติ (จะไม่ได้รับส่วนลดตามสิทธิสมาชิก)
แต่ในส่วนสินค้าที่เราจะใช้ e-purse ที่เราได้รับจากสิทธิวันเกิดนั้นซื้อ เราสามารถใช้ส่วนลดตามหน้าบัตรสมาชิกได้ก่อนตามปกติค่ะ

5. สถานที่ใช้สิทธิต่อที่ 1 จะเป็น King Power ที่อยู่นอกสนามบิน
ส่วนสถานที่ใช้สิทธิต่อที่ 2 จะเป็น King Power ที่อยู่ในสนามบิน

6. ถ้าไม่ได้ใช้สิทธิต่อที่ 1 ที่รางน้ำ ศรีวารี พัทยา หรือภูเก็ตก่อน จะขอไปใช้สิทธิต่อที่ 2 25% ที่สนามบินไม่ได้
หรือพูดในอีกแง่หนึ่งคือ สิทธิวันเกิดนั้นจำเป็นต้องมีการใช้ที่ King Power นอกสนามบินก่อนเสมอ ไม่เช่นนั้นก็เสมือนไม่ได้สิทธิใดๆเลย

ราคาและประเภทสินค้า

ราคาสินค้าใน King Power นั้น อย่างอื่นเราไม่สันทัด แต่กลุ่มเครื่องสำอางจะถูกกว่าเคาน์เตอร์ในห้างปกติประมาณ 10-20% (ส่วนใหญ่น่าจะอยู่ที่ 15% ค่ะ) 
บัตรสมาชิก King Power ลดได้อีก 5-20% ตามหน้าบัตร
และยังอาจมีโปรโมชั่นอื่นๆอีก (บางครั้ง เราเคยเจอช่วงโปรโมชั่นแบบลดทันที 20% แม้หน้าบัตรเราจะลดได้แค่ 10% ก็ตาม) 
รวมๆแล้วก็ต่างกันอยู่พอสมควรค่ะ

ส่วนลดนั้นจะลดได้เท่าไร ขึ้นอยู่กับแต่ละแบรนด์กำหนดด้วย 
บางแบรนด์อาจมีการกำหนดว่ามีส่วนลดสูงสุด 10% ก็ต้องเป็นไปตามนั้น ต่อให้บัตรสมาชิกที่เราถืออยู่จะได้ส่วนลดสูงสุด 20% แต่ถ้าแบรนด์กำหนดว่าสูงสุดได้ 10% ก็ได้แค่ 10% ค่ะ 

นอกจากนี้ ในกลุ่มของเครื่องสำอางนั้น King Power อาจมีแบรนด์ที่ในห้างอาจไม่มี เช่น Giorgio Armani แต่ในขณะเดียวกันก็อาจไม่ได้มีทุกแบรนด์ที่ในห้างมี 
หรือบางทีแบรนด์เดียวกันแต่ก็อาจไม่ได้มีสินค้าทุกรุ่นอย่างที่ในห้างมี แต่ที่ King Power ก็ชอบมีสินค้าจัดเซ็ทที่ exclusive เฉพาะ King Power ซึ่งแน่นอนว่าราคาจะคุ้มกว่าการซื้อแยกชิ้นค่ะ

-------------------------------------------

กลับมาที่การช็อปปิ้งของเรา

การเดินทางทริปนี้ของเราอยู่ในช่วงที่เราสามารถใช้สิทธิวันเกิดของการเป็นสมาชิก King Power ได้พอดี

ขั้นแรก เราทำการลิสต์รายการของที่เราอยากได้และเช็คราคาคร่าวๆก่อน รวมถึงเช็คว่าแบรนด์นั้นสามารถใช้สิทธิวันเกิดได้หรือไม่ด้วย โดยราคาสินค้าใน King Power นั้นอาจดูที่เว็บไซต์ kingpoweronline หรือถามจากทาง facebook ก็ได้ค่ะ แอดมินของเพจจะคอยตอบอยู่ >>> https://www.facebook.com/Kingpowerofficial/

แนะนำว่าสินค้าที่จะใช้สิทธิวันเกิด 30% ควรเป็นของที่แพงที่สุดที่เราจะซื้อนะคะ
สำหรับเราในครั้งนี้ เราตั้งใจจะซื้อ Shiseido Ultimune Power Infusion Concentrate แบบแพ็คคู่ ราคา 9610 บาท ให้คุณแม่

ดังนั้น ก่อนบิน เราก็ตรงไปที่ King Power รางน้ำ เพื่อมาใช้สิทธิวันเกิด 30% กับเจ้าสิ่งนี้ 
ตอนแรกตั้งใจไปซื้ออย่างเดียวเลยค่ะ ไปเพื่อใช้สิทธิโดยเฉพาะ ส่วนอย่างอื่นตั้งใจไปซื้อที่สนามบิน แล้วจะฝากไว้รับตอนขากลับ จะได้ไม่ต้องแบกไปต่างประเทศด้วย 

แต่ตอนไปจ่ายเงินนั้นเอง......
แคชเชียร์: คุณลูกค้าคะ ตอนนี้มีโปรโมชั่น ซื้อ cash card 10,000 ได้รับ gift card อีก 1,000 บาทนะคะ
เรา: จะใช้สิทธิวันเกิด 30% น่ะค่ะ (คิดในใจ เออ นี่ก็ซื้อ 9พันกว่าบาทแล้ว ขาดอีกนิดหน่อยเอง แต่คงใช้กับสิทธิวันเกิดไม่ได้หรอกมั้ง)
แคชเชียร์: cash card นี้สามารถใช้กีบสิทธิวันเกิดได้ด้วยนะคะ

ปั้ง!

รออะไรละคะ ฝากตะกร้าของไว้ที่แคชเชียร์ตรงนั้น แล้วตรงไปซื้อ cash card อย่างไว 

พอถึงห้องที่จะเข้าไปซื้อ cash card แวบแรกแอบตกใจ ทำไมคนเยอะจัง ตรงนี้จะมีพนักงานกดบัตรคิวให้กับเราค่ะ จากนั้นก็นั่งรอไปยาวๆ มีโซฟาให้รออย่างดีค่ะ
ระหว่างนั่งรอเพลินๆ ก็เหลือบไปเห็น..... โปรฯบัตรเครดิดค่าาาา 
ถ้าใช้บัตรเครดิตของ SCB ซื้อ cash card 10,000 จะได้รับ gift card เพิ่มเป็น 1,500 บาท (แถมถ้าจำไม่ผิด ถ้าซื้อตามเงื่อนไขจะได้รับเครดิตเงินคืนอีก 2-3% ด้วยค่ะ)
ดังนั้น รูดบัตรไป 10,000 เราเลยได้ cash card และ gift card มารวมมูลค่า 11,500 บาท 

คุ้นๆว่า มีเงื่อนไขการใช้ gift card 1,500 บาทอยู่ เหมือนกับว่าต้องใช้ที่ King Power นอกสนามบิน 
ดังนั้น เราเลยจะต้องใช้ให้หมดทั้ง 11,500 ค่ะ (พูดเหมือนเยอะ แต่อย่างเดียวก็ 9,xxx แล้ว)

สรุปวันนี้ได้ของมา 2 ชิ้นค่ะ
- Shiseido Ultimune Power Infusion Concentrate Duo set ราคา 9,610 บาท (ราคาปกติ)
ใช้สิทธิวันเกิด 30% เลยได้ e-purse คืนในบัตรตุนไว้ก่อน 2,883 บาท
- Biotherm Life Plankton 200ml ราคา 2560 บาท -10% เหลือ 2304 บาท
รวมราคาที่ต้องจ่าย 11,914 บาท
แต่เรามี cash card และ gift card อยู่ 11,500 บาท เพราะฉะนั้น จ่ายเพิ่มอีก 414 บาทเท่านั้นค่ะ
แถมทั้ง Shiseido และ Biotherm ยังแถม sample มาให้อีกค่ะ




เห็นมั้ยคะ admin เพจก็คอยตอบคำถามให้อย่างรวดเร็ว แคชเชียร์ก็น่ารัก มีแนะนำโปรโมชั่น(สุดคุ้ม)ให้ลูกค้าด้วย BA ก็น่ารัก แถม sample ให้โดยไม่ต้องขอ หลายแบรนด์คอยดูแลให้คำแนะนำอย่างดีเลยค่ะ (แต่ BA บางแบรนด์ที่รางน้ำนี่ก็มีเหมือนกันที่ดูไม่ค่อยสนใจลูกค้าคนไทยเท่าไหร่ สนแต่คนจีน)

…………...........................

วันเดินทาง
พอถึงสนามบิน ไปช็อปก่อนค่ะ ของค่อยไปเอาของที่ซื้อไว้แล้วทีหลัง
เรายังเหลือทั้งสิทธิวันเกิดต่อที่ 2 25% และ e-purse ในบัตรอีก 2,883 บาท งานนี้คุณแม่เลยฝากซื้อของเพิ่มอีกด้วยค่ะ

สรุปของที่ซื้อที่สนามบินสุวรรณภูมิ 
- Shiseido Glow Revival Serum ราคา 4165 (ราคาปกติ)
ใช้สิทธิวันเกิด 25% ได้ e-purse คืนในบัตรมาอีก 1041.25 บาท (รวมตอนนี้ เรามี e-purse อยู่ 2,883+1,041.25 = 3,924.25 บาท)

- Shiseido Ultimune Power Infusion Eye Concentrate ราคา 2,295 บาท -10% = 2,065.50
- Shu light bulb UV compact foundation ราคา 1420 บาท -10% = 1,278
- Shu light bulb UV compact case ราคา 480 บาท -10% = 432
- Shu cushion puff ราคา 170 บาท -10% = 153
รวม 4 อย่างนี้ = 3,928.50 บาท

เราใช้ e-purse ที่มีอยู่ 3,924.25 จ่ายค่ะ 
แล้วจ่ายเงินเพิ่มอีก 4.25 บาท !!!
(ฟินมั้ยละคะ สาวๆน่าจะเข้าใจความรู้สึกนี้ดี)
สังเกตนะคะ ส่วนที่เราใช้ e-purse จ่ายนี้ เราสามารถจะได้ส่วนลดตามหน้าบัตรสมาชิกด้วย

สิริรวมแล้วงานนี้ ด้วยอานิสงค์ของโปรโมชั่น cash card ของบัตรเครดิต SCB และส่วนลดและสิทธิวันเกิดของบัตรสมาชิก King Power
งานนี้เราจ่ายเงินไปจริง 10,000 + 414 + 4,165 + 4.25 = 14,583.25 บาท
ได้ของมามูลค่า 20,700 บาท (ตามราคาของ King Power ซึ่งถูกกว่าข้างนอกประมาณ​10-20% อยู่แล้ว) 
ประหยัดไป 6พันกว่าบาทเลยทีเดียว 
หรือถ้าเทียบกับซื้อข้างนอกก็ประหยัดไปเป็นหมื่นเลยทีเดียวค่ะ
คุ้มสุดใจค่ะ ฟินสุดยอดค่ะ 

กระเป๋า(เงิน)เริ่มเบาตั้งแต่ยังไม่ก้าวขาออกจากประเทศไทย
ยังไม่ทันไปไหนเลย



ป.ล. เจ้าถุงแดงนั่น Shiseido ที่รางน้ำแถมมาให้ค่ะ ข้างในมี sample อีกชุดนึงด้วยค่ะ 
Boitherm กล่องเล็กๆ 2 กล่องก็เช่นกันค่ะ ที่รางน้ำแถมมาให้ค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น