26 มีนาคม 2560

mini Review: K's House Kyoto

ที่นี่คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแผนการเดินทางในทริปนี้ของเรา
อย่างที่เคยเล่าไปในบล็อกก่อนๆ จริงๆแพลนแรกเราวางไว้ว่า พอลงจากเครื่องบินแล้วจะตรงมาที่เกียวโตก่อน แล้ววันหลังๆถึงไปอยู่ที่โอซาก้า แต่เพราะจองที่พักที่เกียวโตในวันที่ต้องการไม่ได้ เลยต้องสลับแพลนใหม่

โรงแรมที่เกียวโตโดยเฉลี่ยจะราคาสูงกว่าที่โอซาก้าค่ะ ยิ่งต้องหาโรงแรมที่มี Triple room ในราคาที่(เรา)รับได้ ยิ่งยากไปใหญ่ สุดท้ายเลยมาจบที่ Hostel 

เดิมเพื่อนเรารีเควสโรงแรมที่มีห้องน้ำในตัว เพราะกลัวเรื่องความสะอาด
แต่สำหรับเครือ K's house เราเคยไปที่ Kawaguchiko มาแล้ว เราเลยรับรองกับเพื่อนได้ว่าสะอาดหายห่วง

K's House เป็นเครือ Hostel เครือดังเครือหนึ่งของญี่ปุ่นเลยค่ะ backpacker นิยมกันมาก มีกระจายอยู่หลายสาขาทั่วญี่ปุ่น
ในทริปที่แล้ว (2014) เรามีโอกาสไปพักที่ K's House Mt.Fuji ที่ Kawaguchiko 
ผ่านมาอีก 1 ปี คราวนี้มีโอกาสได้ใช้บริการของที่ Kyoto ค่ะ

การจอง K's House Kyoto จะเปิดให้จองล่วงหน้า 6 เดือน 
ซึ่งเราจองในวันแรกที่เปิดจองเลยค่ะ เพราะรู้ตัวว่าไปช่วง high season สุดๆของเกียวโต คือช่วงที่ซากุระบานพอดี แต่ตอนแรกยังคิดว่าน่าจะจองได้สบายๆ (ก็จองล่วงหน้าตั้ง 6 เดือน)
แต่ที่ไหนได้ ระหว่างที่เรากำลังคุยกับเพื่อนเรื่อง type ห้องอยู่นั้น รีเฟรชอีกที ห้องเต็มค่ะ 
ห้องแบบ Triple room เต็มต่อหน้าต่อตา ทุก type ที่มีอยู่เลย
เลยต้องปรับแพลนไปเป็นอีกช่วง และแยกเป็น 2 booking เนื่องจากห้อง type เดียวกันไม่มีว่างต่อกันค่ะ เลยต้องมีการย้ายห้องด้วย
ดังนั้น ใครไปเกียวโต ช่วง high season แบบนี้ ดูโรงแรมไว้แต่เนิ่นๆก็ดีนะคะ 

การเดินทาง 
ถ้าเดินมาจาก JR Kyoto station จะเดินค่อนข้างไกลอยู่เหมือนกันค่ะ 
แต่ถ้าเดินมาจากสถานี Shichijo (Keihan line) จะใกล้มากค่ะ เดินข้ามแม่น้ำ Kamo มานิดเดียวก็ถึงแล้ว


ที่นี่ถือว่าอยู่ในระดับดีตามมาตรฐานของเครือ K's House ค่ะ
โดยรวม พนักงานสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีมาก 
ห้องน้ำสะอาด ราคาสบายกระเป๋า อุปกรณ์เครื่องครัวของส่วนกลางมีให้ครบมากๆ เหมาะกับ backpackers

แต่ข้อแนะนำข้อนึง คือ ที่นี่จะมี 2 ตึกค่ะ 
ตึกสีเหลือง จะเป็นตึกเก่า
ส่วนตึกข้างๆที่สูงกว่าจะเป็นตึกใหม่ (reception จะอยู่ชั้นล่างสุดของตึกนี้ค่ะ)

รอบนี้เรามีโอกาสได้พักทั้ง 2 ตึกเราขอแนะนำว่าถ้าเลือกได้ให้เลือกตึกใหม่ค่ะ
เพราะห้องพักที่เราพักที่ตึกใหม่สะอาดกว่าตึกเก่า 
ห้องพักที่เราได้พักที่ตึกเก่าสภาพไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ และห้องก็มีกลิ่นด้วย (เหมือนกลิ่นรองเท้าอ่ะค่ะ)
ส่วนกลางที่เป็นห้องครัวของตึกใหม่ก็ดีกว่าตึกเก่า 
และที่สำคัญที่สุด ตึกเก่าไม่มีลิฟท์ ต้องแบกกระเป๋าขึ้นบันไดเอง แต่ตึกใหม่มีลิฟท์ทุกชั้น  สะดวกกว่ากันมาก

สำหรับรูปภาพห้องพักที่นี่ เสียดายมากเลยค่ะ ไม่ได้ถ่ายมาเลย วันนั้นมัวแต่วุ่นๆอยู่ เลยลืม
ยังไง ลองดูได้ในเว็บของ K'House Kyoto เลยค่ะ

mini Review: Hotel Chuo Oasis Osaka

ไม่อยากบอกเลยค่ะ ว่าลืมทำรีวิวโรงแรมของทริป Japan Kansai Trip 2015 ซะสนิทเลย
เข้าใจว่าทำไปแล้ว พอมาไล่ๆดู อ้าว! ยังไม่ได้ทำเหรอ คุ้นๆว่าเขียนรีวิวไปแล้ว
พอไปย้อนดูถึงรู้ว่า เขียนรีวิวไปใน TripAdvisor (แต่ลืมทำที่บล็อกตัวเอง - -")
////////////////////////////

Hotel Chuo Group เป็นเครือโรงแรมในโอซาก้า มีอยู่ 3 โรงแรมที่ชื่อคล้ายกัน คือ
ทั้ง 3 แห่งนี้จะตั้งอยู่บริเวณเดียวกัน คือ ย่าน Shin-Imamiya
โรงแรม Hotel Chuo กับ Hotel Chuo Selene นี่อยู่ติดกันเลยค่ะ


ย่าน Shin-Imamiya เป็นย่านยอดฮิตสำหรับนักท่องเที่ยวไทยอีกย่านหนึ่งค่ะ
เนื่องจากเป็นย่านที่ที่พักราคาถูกและการเดินสะดวก
แต่จริงๆแล้ว ย่านนี้สำหรับคนญี่ปุ่นเอง เป็นย่านที่ค่อนข้างน่ากลัวอยู่เหมือนกัน เพราะเป็นแหล่งที่เที่ยวกลางคืน (ลองหาข้อมูลดูค่ะ ไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกัน)

ตอนแรกที่ได้ยินมา ก็แอบมีกลัวๆอยู่บ้างเหมือนกันค่ะ เพราะเราไปกันแต่ผู้หญิงล้วนๆเลย
แต่เอาเข้าจริงก็ไม่มีอะไรค่ะ อย่าพาตัวเองเข้าไปในแหล่งเป็นใช้ได้ 
กลางคืนอาจจะเงียบๆหน่อย แต่ไม่ได้น่ากลัวอะไร
โรงแรมก็อยู่ใกล้กับทางออกสถานีรถไฟมากๆ ร้านสะดวกซื้อก็อยู่ไม่ไกล สบายมากค่ะ

โรงแรมที่เราเข้าพักในครั้งนี้ คือ Hotel Chuo Oasis 

ที่เลือกเข้าพักที่โรงแรมนี้ เนื่องจากว่าแม้ทั้งสามแห่งจะเป็นโรงแรมในเครือเดียวกัน แต่ต่างก็มีเว็บไซต์โรงแรมแยกจากกัน (ใส่ link ไว้ให้ที่ชื่อโรงแรมแล้วค่ะ) มีราคาและเงื่อนไขการจองที่ต่างกันค่ะ 

จากการหาข้อมูลของเราตอนนั้น มีคนบอกว่าสภาพห้องพักจากใหม่ไปเก่า จะเป็น Hotel Chuo Selene > Hotel Chuo Oasis > Hotel Chuo ตามลำดับค่ะ 
ดังนั้น คนส่วนใหญ่จะแนะนำให้พักที่ Hotel Chuo Selene กับ Oasis มากกว่าที่ Hotel Chuo

สมาชิกของเราในทริปนี้ มีจำนวน 3 คน ดังนั้น เราต้องหาห้องแบบ Triple room ซึ่งทั้ง 2 โรงแรมนี้ตอบโจทย์เราทั้งคู่ค่ะ 
แต่ที่เลือกพักที่ Oasis เนื่องจากขณะจองที่พักนั้น ทาง Selene ยังไม่เปิดรับจองค่ะ (จะเปิดล่วงหน้า 1 เดือน) ในขณะที่ทาง Oasis เราเมล์ไปจองปุ๊บ ทางนั้นก็คอนเฟิร์มกลับมาทันที (ประทับใจค่ะ)

การเดินทาง
<Subway> Dōbutsuenmae Station on the Midosuji and Sakaisuji Lines  exit #2 or #4
<JR Loop Line> Shin-Imamiya Station #east exit
<Nankai Line> Shin-Imamiya Station


อย่างที่บอกไว้ข้างต้น การเดินทางมาที่โรงแรมค่อนข้างสะดวกมากๆ
ทั้งการไป-กลับสนามบินคันไซ (Kansai Internation Airport: KIX) และการเดินทางด้วยรถไฟใต้ดิน (subway)

นอกจากนี้ ที่นี่ยังใกล้กับสถานที่ที่น่าสนใจหลายแห่ง สามารถเดินไปได้เลยค่ะ เช่น ย่าน Shinsekai ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Tsutenkaku Tower และเต็มไปด้วยร้านอาหารเยอะแยะมากมาย, Spa world, Donki (ดองกี้สาขานี้เปิด 24 ชั่วโมงด้วยค่ะ) หรือกระทั่งร้าน 100 เยน หรือ mini mart ก็มีอยู่ไม่ไกลค่ะ

ห้องที่เราพักเป็นห้องแบบ Triple Room Western style (ที่นี่มีห้อง Triple room มีทั้งแบบที่เป็น Western และ Japanese style ค่ะ)

ต้องบอกเลยว่า ถ้าเทียบกับ Business hotel หลายแห่งของญี่ปุ่นแล้ว ที่นี่ค่อนข้างกว้างกว่าปกติเล็กน้อย มีที่วางกระเป๋าใบใหญ่ได้แบบสบายๆ ไม่ต้องแออัดยัดเยียด


ห้องน้ำก็ขนาดมาตฐานเช่นเดียวกับโรงแรมอื่นๆค่ะ อุปกรณ์อาบน้ำต่างๆก็มีให้ครบ


ที่ lobby ก็มีบริการหลายอย่างให้ค่อนข้างครบครัน มีเครื่องซักผ้า-อบผ้าด้วยในกรณีที่เราพักหลายๆวันแล้วเสื้อผ้าไม่พอก็สามารถซักได้เลยค่ะ 


แต่จุดที่เราประทับใจที่นี่สุดๆ คือ คุณลุงรีเซพชั่นค่ะ
น่ารักมาก ใจดีมาก อัธยาศรัยดี เต็มใจให้ความช่วยเหลือตลอด

โดยปกติ โรงแรมจะให้เช็คอินได้ตอนบ่ายๆ แต่เราไปถึงตอนประมาณ 8-9 โมงเช้า ตั้งใจไปฝากกระเป๋าไว้ก่อน แล้วจะได้ไปเที่ยวต่อ
แต่เนื่องจากมีห้องพักว่างอยู่ ทางพนักงานเลยให้เราเช็คอินได้เลยตั้งแต่ตอนเช้า ทำให้เราได้อาบน้ำในวันนั้น หลังจากที่นอนที่สนามบินมาทั้งคืนและยังไม่ได้อาบน้ำ 555+

เอาเป็นว่าถ้าใครมีโอกาส โรงแรมนี้เป็นอีกแห่งที่แนะนำค่ะ ราคาประหยัด มีหัวใจบริการเป็นเลิศ :D